"บริษัทตัดสินใจเข้าร่วมประมูลงานการซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรกจำนวน 489 คัน หลังจากองค์กรที่จัดหาสินค้าให้กับเรา (Supplier) ให้การสนับสนุนในการจัดหาประกอบรถ และมีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะสามารถสร้างรายได้และส่งมอบรถที่มีคุณสมบัติตามที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกำหนดไว้ได้"นายสุรเดช กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องผ่านกระบวนการการคัดกรองคุณสมบัติ 15 ประการของผู้เสนอราคาแล้วก่อน ซึ่งหากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติดังกล่าวจึงจะได้เข้าร่วมการเคาะราคา และคาดว่าจะสามารถทราบผลการประมูลงานได้ภายในไตรมาส 2/58 โดยบริษัทมีการผลิตรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) แล้วตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกเพื่อทดลองใช้ประโยชน์เองภายในบริษัท และเพื่อให้ทีมงานของบริษัทได้ศึกษาทุกอุปกรณ์และชิ้นส่วนอย่างปราณีตและเข้าใจทุกกระบวนการผลิตอย่างเชี่ยวชาญ
"ถ้าหากว่าบริษัทได้รับงานดังกล่าวแล้ว บริษัทเชื่อมั่นว่าว่าจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะนอกจากบริษัทจะมีรายได้จากการขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) แล้ว บริษัทจะได้รับค่าตอบแทนจากสัญญาการซ่อมบำรุงรถดังกล่างถึง 10 ปี คือตั้งแต่ 58 ถึง 68 และเราเชื่อมั่นว่าบริษัทสามารถทำรถที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่กรมขนส่งทางบกกำหนดไว้อย่างแน่นอนเนื่องจากเรามีประสบการณ์มาแล้ว และสามารถส่งมอบรถทั้งหมดได้ตามกำหนดภายในปี 2558 เนื่องจากวันนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆด้านแล้ว อาทิ ด้านแรงงานคน เครื่องจักร พื้นที่ใช้สอย วัตถุดิบและอื่นๆ" นายสุรเดช กล่าว
อนึ่ง ในวันนี้ ขสมก.จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติของผู้ที่มายื่นซองประมูล ที่มีอยู่ 5 ราย ซึ่งมากกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้กำหนดเคาะราคาประมูลวันที่ 20 เม.ย.นี้ จากนั้นจะทยอยรับมอบรถตั้งแต่เดือนพ .ค.-ก.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ CHO ระบุว่าจะไม่เข้าร่วมการประมูลการจัดซื้อรถเมล์ NGV ของ ขสมก. เพราะต้องการให้มีการปรับขึ้นราคากลาง ซึ่งบริษัทเห็นว่าราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 4,500,000 บาทต่อคัน