(เพิ่มเติม) "แกรนด์ยู"เผยปีนี้เปิด 3 โครงการใหม่ 3.5-4 พันลบ.เป้ายอดขาย 6 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 7, 2015 13:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเนรมิต สร้างเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทย่อยของ บมจ.ยูนิเวนเจอร์(UV)เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกของปีนี้ ได้แก่ ยู ดีไลท์ รัชวิภา มูลค่า 2,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่วิภาวดีรังสิต ตรงข้ามวัดเสมียนนารี และสถานีรถไฟฟ้าวัดเสมียนนารีในอนาคต ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธินในปัจจุบัน

โครงการ ยู ดีไลท์ รัชโยธิน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ เป็นอาคารสูง 23 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 881 ยูนิต ขนาดห้องเริ่มต้น 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร โดยโครงการนี้เกิดขึ้นจากการพยายามหาที่ดินในย่านวิภาวดีและพหลโยธิน เพื่อสร้างโครงการใหม่ขึ้นชดเชยกับ 2 โครงการที่ แกรนด์ ยู เคยเปิดขายไปเมื่อปี 56 แต่ถูกยกเลิกไปเนื่องจากมีปัญหาความล่าช้าจากการขอความเห็นชอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ทำให้ต้องคืนเงินแก่ลูกค้าที่จองซื้อไปทั้งหมด แต่ยังมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าว่าต้องการคอนโดมิเนียมในย่านนั้นอยู่

สำหรับยอดขายปีนี้ตั้งเป้าที่ 6,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อน และคาดว่ามียอดรับรู้รายได้ 5,000 ล้านบาท โดยขณะนี้มีโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นการตอนโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสิ้น 4 โครงการ และรอโอนภายในไตรมาส 3 อีก 2 โครงการ ได้แก่ คอนโด ยู แคมปัส รังสิต-เมืองเอก และ ยู ดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น

ปัจจุบัน บริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 3 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 59 ขณะที่บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 1.2 พันล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการทั้ง 3 แห่ง

"ปีนี้เรามั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 5 พันล้านบาท ซึ่งเราจะมียอดขายที่สามารถโอนในปีนี้ได้ราว 3 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือก็จะเป็นการรับรู้รายได้จากยอดขายใหม่ๆที่จะเข้ามา ปีนี้เองเรามองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์คงจะเติบโตราว 10% ถึงแม้ว่าหลายๆฝ่ายมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ได้ แต่หากมองในทำเลที่ดีและมีศักยภาพ ก็ยังมีความต้องการอยู่ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องฐานะทางการเงินของลูกค้าบางรายที่บริษัทฯ ยังต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ยังเป็นลูกค้าที่มีวินัยที่ดี ซึ่งยังไม่น่ากังวลเท่าที่ควร แม้ยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทฯ จะปรับเพิ่มเป็น 6% จากปีก่อนที่มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพียง 2% ทั้งนี้เป็นไปตามภาวะตลาดอสังหาฯ ที่โดดกดดันหนี้สินภาคครัวเรือนและราคาผลผลิตการเกษตรที่ตกต่ำ"นายเนรมิต กล่าว

นายเนรมิต กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ ใน 1-2 ปีนี้ เพราะบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากมีความต้องการเรื่องของเงินลงทุนต่างๆ แต่ทางบริษัทฯเองยังถือว่ามีเงินทุนเพียงพอเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ