ขณะที่บริษัทมีแผนที่จะจัดหาแหล่งเงินกู้ 5 ปี(ปี 58-62) วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทนั้น จะใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้หรือหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2.3 หมื่นล้านบาทจะใช้สำรองไว้สำหรับการลงทุน เช่น การลงทุนโครงการ 3E(energy/efficiency/environment) , การเปิดสถานีบริการ , การซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นน้ำมันในปีหน้า และการลงทุนพลังงานทดแทนต่างๆ รวมถึงการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม(E&P) หากมีโอกาสที่เหมาะสม
ส่วนการดำเนินงานของ Nido ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจ E&P และมีแหล่งปิโตรเลียมที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์นั้น สามารถที่จะถึงจุดคุ้มทุน (break event) ในระดับราคาน้ำมันปัจจุบัน และมี EBITDA เป็นบวกได้เล็กน้อยจากปีที่แล้วที่ EBITDA ติดลบ 58 ล้านบาท จากระดับราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะเดียวกัน Nido ได้มีการลดค่าใช้จ่ายและเจรจากับทางฟิลิปปินส์เพื่อขอลดค่าภาคหลวงเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญในการลงทุนด้านพลังงานทดแทน โดยล่าสุดมีการเจรจาเบื้องต้นกับบมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์(BRR) ถึงการร่วมทุนทำโรงงานเอทานอลในอนาคต แม้ปัจจุบันบริษัทจะถือหุ้นในโรงงานเอทานอล 2 แห่งแล้วก็ตาม เนื่องจากบางจากมีความต้องการใช้เอทานอลอยู่เป็นจำนวนมากถึง 8 แสนลิตร/วัน
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าอาจจะยังมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม หลังราคาน้ำมันดิบสิ้นไตรมาสแรกอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากช่วงสิ้นปีก่อน