หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว จะสามารถขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้ รวมทั้งจะมีก่อสร้างท่าเรือขนาดเล็ก ทำระบบน้ำ ระบบไฟฟ้า ระบบที่อยู่อาศัย(township)
"ทวายเราได้มา 27 ตร.กม.ก็มาเจรจาก็ได้เพิ่มมา 8 ตร.กม.เพิ่มเป็น 35 ตร.กม. และได้เจรจารอบ final ได้เพิ่มมาอีก 10 ตร.กม.ก็ได้มาทั้งหมด45 ตร.กม."นายเปรมชัยกล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
นายเปรมชัย กล่าวว่า บริษัทขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทวายได้แล้ว 10,000 ไร่ ให้กับลูกค้ารายใหญ่ 1 ราย จากพื้นที่นิคมอุตสากรรมทั้งหมด 18,000 ไร่ จากที่ได้สิทธิพัฒนาโครงการ 24,000 ไร่หรือ 45 ตร.กม.โดยส่วนที่เหลือ 6,000 ไร่ นำไปทำระบบสาธารณูปโภค
ทั้งนี้ บริษัทได้เจรจากับรัฐบาลเมียนมาร์ที่จะแลกสิทธิพื้นที่โครงการทวายมากด้วยการแบ่งส่วนแบ่งกำไร 7% ให้กับทางการเมียนมาร์และได้มีเงื่อนไขว่ารัฐบาลเมียนมาร์จะคืนเงินที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว โดยเงินส่วนที่บริษัทลงทุนไปก่อนและบันทึกด้อยค่าไว้ในปี 57 จำนวน 6,031 ล้านบาท
สำหรับโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี นายเปรมชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจาณ์รอบสุดท้าย และจากนั้นทางกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจะให้ใบประทานบัตรเหมืองแร่โปแตช บนพื้นที่ 26,334 ไร่ ที่คาดว่าจะได้รับภายในปีนี้จากนั้นเริ่มก่อสร้างโรงงาน และงานก่อสร้างเหมือง คาดแล้วเสร็จในปลายปี 60 โดยเฟสแรกลงทุน 1 พันล้านเหรียญ จะมีกำลังการผลิต 2 ล้านตัน และมีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตอีก2 ล้านตันเป็น 4 ล้านตัน โดยบริษัทลงทุนไปแล้ว 100 ล้านเหรียญ
นายเปรมชัย คาดว่า โครงการนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรสูง โดยราคาขายอยู่ที่ 300-325 เหรียญ/ตัน แต่บริษัทมีต้นทุน 120 เหรียญ/ตัน จะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรได้มาก โดยมุ่งส่งออกไปที่จีนที่มีความต้องการใช้สูงถึง 20 ล้านตัน/ปี อินโดนีเซีย และมาเลเซียใช้ 4-5 ล้านตัน/ปี ส่วนไทยใช้เพียง 3 แสนตัน/ปี ทั้งนี้ โครงการนี้จะให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงถึง 17%
นอกจากนี้ยังได้งานก่อสร้างเหมืองแร่โปแตช เป็นงาน Civil work มูลค่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งรับรู้ 2 ปี งาน Mining work มูลค่า 79,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนท่าเรือใกล้มาบตาพุด มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการขนส่งแร่โปแตช ที่จะเชื่อมต่อกับทางรถไฟ
นายเปรมชัยกล่าวว่า ITD ถือหุ้นใหญ่ 90%ในโครงการเหมืองแร่โปแตช โดยคาดว่าจะนำหุ้น โครงการนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ที่จะนำไปขายหุ้น IPO สัดส่วน 20% ที่มีเจพีมอร์แกนเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน แต่หากขายหุ้นให้พันธมิตรแล้วได้เงินทุนมากกว่าก็จะนำมาพิจารณาในการหาวิธีระดมทุน ซึ่งขณะนี้มี 4 รายที่ขอซื้อหุ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2/58
ส่วนสัมปทานจากรัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิก ทั้งงานก่อสร้างทางรถไฟและท่าเรือน้ำลึก มูลค่าเงินลงทุน 4 พันล้านเหรียญ หรือ 1.2 แสนล้านบาท มีผลตอบแทนการลงทุน 15-18%โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ 60% บริษัทจะแบ่งหุ้นขายออกไป 30% แต่ ITD จะถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหารโครงการ คาดว่าอีกไม่กี่เดือนจะได้ข้อสรุป ทั้งนี้ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปีคาดแล้วเสร็จในปี 62 และคาดว่าจะมีกำไรทันที และโครงการเหมืองแร่บ๊อกไซด์ สปป.ลาว ITD ถือหุ้นอยู่ 29% มีพันธมิตรจากจีนและสปป.ลาว พื้นที่ 176 ไร่ หรือ 7 ตร.กม.
ทั้ง 4 โครงการเป็นโครงการที่จะพัฒนาเอง จะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว เหมือนกับบมจ.ช.การช่าง (CK)
นายเปรมชัย คาดว่าบริษัทจะได้งานโครงการภาครัฐประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หรือ 2-3 สัญญาจากงานภาครัฐในปีนี้ที่จะออกประกวดราคามูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย คือสายสีส้ม สายสีชมพู สายสีเหลือง โครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง และโครงการมอเตอร์เวย์ และเตรียมจะเข้ารับงานรับเหมาช่วงจากโครงการรถไฟไทยจีน ซึ่งทางการจีนได้ติดต่อกับผู้รับเหมารายใหญ่ สำหรับในไตรมาส 2/58 บริษัทมีงานรอเซ็นสัญญา รวม 1.7แสนล้านบาท จำนวน 8 โครงการ ทำให้สิ้นไตรมาส 2/58 มีงานในมือเพิ่มป็น 3.5 แสนล้านบาท นายเปรมชัย คาดว่า รายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 5-6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดและคาดว่ามาร์จิ้นจะดีขึ้น