สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มี.ค.58 ผู้ถูกฟ้องคดี 3-7 ซึ่งเป็นกรรมการของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสท.)ได้ลงมติในกรณีดังกลาว และเมื่อวันที่ 30 มี.ค.58 ได้รับรองมติ 3 ต่อ 2 ชี้ว่า SLC ไม่ได้มีอำนาจควบคุม NMG ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์วิชั่น จำกัด(NNV) ซึ่งได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัลช่องข่าวสาร"เนชั่นทีวี" เพราะถือหุ้นใน NMG เพียง 12.27% ไม่เกินกว่า 25% และไม่ปรากฎว่ากระทำการขัดต่อเงื่อนไขการมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงไม่ขัดต่อประกาศ กสทช.
ทั้งนี้ ในการลงมติดังกล่าว กรรมการ กสท.เสียงข้างน้อย 2 เสียง คือ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ เห็นว่า SLC กระทำผิดและต้องขายหุ้น NMG คืน ส่วนอีก 2 เสียง คือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ และ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ งามสง่า เห็นว่าประกาศ กสทช.ใช้บังคับเฉพาะตอนประมูล ยกเว้นจะเจอประเด็นใหม่ในภายหลัง ขณะที่ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ อีก 1 เสียง เห็นว่า SLC ไม่ผิด เพราะเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทแม่ของเนชั่น คือ NMG ซึ่งไม่ใช่บริษัทที่รับใบอนุญาตจาก กสทช. คือ NNV
"การนับเสียงที่งดออกเสียง 2 เสียงของผู้ถูกฟ้องที่ 3 และที่ 4 (พ.อ.นที และ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์)มานับรวมกันเป็นมตินั้นจึงขัดต่อระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2555 ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้การงดออกเสียงเห็นถือเป็นการออกเสียงไม่เห็นชอบแต่อย่างใด" คำฟ้อง ระบุ
ผู้ฟ้องยังระบุอีกว่า มติดังกล่าวเปิดช่องให้เกิดการครอบงำกิจการทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่องได้ โดยเฉพาะการควบรวมช่องรายการข่าวจะนำมาสู่การครอบงำประชาชนและริดรอนสิทธิในการรับรูข้อมูลข่าวสาร ครอบงำความคิดประชาชน ซึ่งขัดต่อเจตนารมย์ของ คณะกรรมการ กสทช.