“การประกาศใบเหลืองของ อียู และการลดระดับชั้นประเทศไทยไปอยู่ใน เทียร์ 3 ไม่กระทบต่อยอดขายและการค้าปกติของบริษัท" นายโฆษิตกล่าว นายสมชาย เตรียมชัยพิศุทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร CPF กล่าวว่า อียูไม่ให้ใบเหลืองกับไทย การแข่งขันของสินค้ากุ้งในกลุ่มประเทศดังกล่างของไทยก็แข่งขันยากอยู่แล้ว เพราะไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ไป ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเตรียมการหาแหล่งผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการส่งออกจากประเทศไทยไว้ตั้งแต่ปี 2556 โดยจะใช้การผลิตจากโรงงานที่เวียดนามเพื่อส่งออกไปยังอียูแทน ซีพีเอฟ ยังมีฐานการผลิตอีกหลายแห่งที่จะสามารถส่งออกไปอียูได้ นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว ในปีนี้ยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินด้วยจะทำให้การค้าจะลำบากกว่าปีอื่นๆ ทั้งรัสเซีย ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย แต่ตลาดโลกจะโดนหมด ในเรื่องยอดขายดูตามผลผลิตกุ้ง ธุรกิจเสียหายเพราะโรคกุ้ง EMS จากผลผลิตของประเทศไทย 600,000 ตัน ปี 2555 และผลผลิตลดเรื่อยจากโรคตั้งแต่ปี 2556 เหลือ 240,000 ตัน เมื่อปี 2557 ทำให้การส่งออกลดลงตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่ไปตลาดสหรัฐฯ สัดส่วนเกิน 50% ของการส่งออกประเทศ ส่วนปีนี้ผลผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยประเทศไทยตั้งเป้าส่งออกไว้ 27,000 ตัน ซีพีเอฟมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ10-20% สำหรับการบริโภคกุ้งในเอเซียยังคงเพิ่มขึ้นทุกปีและมูลค่าไม่ลดลง ตัวอย่างเช่น ในปี 2555 กุ้งขนาด 60 ตัว/กก. ราคา 160-170 บาท/กก. แต่ตอนนี้ราคา 200 บาท/กก