ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/58 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 12,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 462 ล้านบาท หรือ 3.87% โดยมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 1,481 ล้านบาท หรือ 7.59% ส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อและการลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากเฉลี่ย ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,615 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 2,170 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ
ส่วนการเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 12,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 2,434 ล้านบาท หรือ 24.43% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 1,340 ล้านบาท หรือ 9.61% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.67% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลงเป็นปกติตามฤดูกาล ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 42.52%
ณ วันที่ 31 มีนาคม 58 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,474,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 57 จำนวน 85,734 ล้านบาท หรือ 3.59% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 2.26% ขณะที่สิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 2.24% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 139.74% ขณะที่สิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 141.38%
นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.01% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 13.20%