นอกจากนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ 3-4 เส้นทางในปีนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้จะเปิดจุดบินใหม่ในภูมิภาคอินโดจีน ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม อีกทั้งยังสนใจประเทศฟิลิปปินส์ อินเดีย และ จีนเป็นต้น ประกอบกับจะยังคงเพิ่มความถี่เส้นทางบินในประเทศอีก
ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ลดลงยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ช่วยส่งผลต่อดีกำไรและรายได้ของบริษัทฯให้เติบโตได้ จากต้นทุนที่ลดลง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐฯต่อแกลลอน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐฯต่อแกลลอน ส่วนเครื่องบินที่จะมีการรับมอบในปีนี้มีจำนวน 5 ลำ มีการรับมอบแล้วในช่วงต้นปี 2 ลำ และเหลือในช่วงปลายปีอีก 3 ลำ
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียขอเพิ่มเส้นทางบินไปประเทศจีนนั้นไม่มีผลกระทบ เพราะเชื่อมั่นว่ากรมการบินพลเรือนของไทย จะแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความความปลอดภัย( Significant Safety Concern: SSC) ทั้งหมด 33 ข้อ ได้ภายใน 90 วัน หรือจะแล้วเสร็จได้ในช่วงเดือนก.ค.นี้ ขณะที่ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการในทุกเส้นทางของไทยแอร์เอเชีย ยังสามารถทำการบินได้ตามปกติ โดยเส้นทางเข้า-ออกสู่จีน ที่ขอเพิ่มหากไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำการบิน บริษัทฯก็สามารถหาเส้นทางบินอื่นเข้ามาทดแทนได้ เช่นในภูมิภาคอินโดจีน แต่หากได้รับการอนุญาตก็จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะสามารถเปิดให้บริการเส้นทางดังกล่าวได้ในช่วงเดือนต.ค-พ.ค.58
"เชื่อไม่มีผลกระทบ เนื่องด้วยเราขอเพิ่มเส้นทางจีนเพียง 1 เส้นทางเท่านั้น หากไม่ได้ก็ยังหาเส้นทางอื่นมาทดแทน เช่น อินโดจีน อินเดีย ขณะที่เส้นทางบินอื่นๆก็ยังคงดำเนินการตามปกติ โดยปีนี้เราก็มีการเพิ่มเส้นทางบินต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง 3-4 เส้นทาง และสำหรับในประเทศจะเน้นการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในปี 58-59 ก็น่าจะยังพอไหว อาจจะมีการสับเปลี่ยนเที่ยวบินบ้าง การเติบโตของรายได้และกำไร มองว่าไม่น่ามีปัญหา เชื่อว่าจะสามารถกลับมาสู่ระดับปกติได้ตามแผน เห็นได้จากไตรมาส 1/58 ที่จำนวนผู้โดยสารมีการเติบโตดีขึ้นกว่าปีก่อน"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าว