อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงในเรื่องของหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย ถึงรายได้ปานกลาง เป็นผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูง และความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลกระทบในเชิงลบกับธุรกิจ
สำหรับในส่วนของบริษัทเตรียมเปิด 11 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่า 10,000 ล้านบาท นับเป็นระดับสูงสุดประวัติการณ์ และเตรียมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีระดับรายได้ประมาณ 100,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า B+ และจะพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯฝั่งตะวันตกมากขึ้น อีกทั้งยังขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจ Recurring Income รวมถึงการทำโซลาร์รูฟท็อปในโครงการ เพื่อเพิ่มฐานที่มาของรายได้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณไว้สำหรับการจัดซื้อที่ดินจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินใหม่ ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายรอโอน(Backlog) อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 59 ขณะที่ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ราว 3,000 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท