ประกอบกับ บริษัทมีแผนขยายธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์แอนด์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจดังกล่าว โดยมีความสนใจลงทุนในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ หรือเจรจาเข้าร่วมทุนเป็นพันธมิตร กลุ่มสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจสื่อและบันเทิง เพื่อเกื้อหนุนธุรกิจไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี
"ปีนี้เรามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนกำไรก็จะเติบโตไปตามรายได้ ขณะเดียวกันเราก็ตั้งเป้าหมายการเติบโตในอีก 3 ปี หรือในปี 60 จะมีรายได้แตะ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจสถาบันการศึกษา ขณะที่เราก็ยังมองโอกาสการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน รูปแบบของการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้หรืออย่างช้าปีหน้า ใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท"นายแมทธิว กล่าว
ท้งนี้ การเข้าซื้อกิจการหรือการเจรจาเข้าร่วมทุนกับพันธมิตร คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้และอย่างช้าปีหน้า โดยมองว่าน่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมดที่ตั้งไว้รวม 3,000 ล้านบาทในปีนี้ แหล่งที่มาของเงินลงทุนคาดว่าจะมาจากการเพิ่มทุน การกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ด์ ซึ่งจะต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นายแมทธิว กล่าวว่า ธุรกิจปัจจุบันที่มีการดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ เวฟ ทีวี ซึ่งเป้นผู้ผลิตและจำหน่ายรายการทางโทรทัศน์ และขายเวลาโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งในปีนี้จะผลิตละคร 2 เรื่อง และรายการอีก 1 รายการ ส่วนธุรกิจสอนภาษา"วอลล์สตรีท อิงลิช"ที่ดำเนินการผ่าน เอ็ฟฟิเชียนท์ อิงลิช เซอร์วิสเซส ปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขา จากปัจจุบันมี 9 สาขา
ด้านธุรกิจร้านอาหารภายใต้ชื่อ"Jeffer Steak"ดำเนินงานผ่าน บริษัทย่อย คือ เจฟเฟอร์ เรสเตอรอง มีแผนขยาย 10 สาขาใหม่ภายในปีนี้จากปัจจุบันมี 76 สาขา
นายแมทธิว กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 97.2 ล้านหุ้นเพื่อใช้คืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ประมาณ 630 ล้านบาท หลังจากที่เข้าซื้อกิจการธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจสถาบันการศึกษา รวมถึงการขยายสาขา คาดว่าจะได้เงินจากการขอเพิ่มทุนครั้งนี้ราว 600-700 ล้านบาท ส่งผลทำให้ D/E ลดลงต่ำกว่า 2 เท่า จากปัจจุบันมี D/E อยู่ที่ 3 เท่า
ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมขอผู้ถือหุ้นอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัท จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น และกระจายสัดส่วนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ขณะที่บริษัทมีแผนล้างขาดทุนสะสมด้วยส่วนเกินทุนและทุนสำรอง โดยบริษัทมีผลขาดทุนสะสมทางบัญชี อยู่กว่า 300 ล้านบาท ขณะที่มีทุนสำรองอยู่ที่ 1.6 ล้านบาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นราว 370 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีนี้
"จากวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม WAVE มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และรายการที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลากหลาย พร้อมทั้งสร้างความบันเทิงเพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงมีนโยบายขยายธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ จากเดิมที่เน้นแต่ธุรกิจด้านความบันเทิงที่เป็นผู้ผลิตละครโทรทัศน์ จัดแสดงคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่างๆ"นายแมทธิว กล่าว