"เรามองว่าควรมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในการประชุมกนง. ครั้งนี้ เพื่อที่จะให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ เพราะปัจจุบันเองถือว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆแล้ว ในขณะเดียวกันยังส่งผลให้ค่าเงินลดลงด้วย ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อีกทางหนึ่ง"นายก้องเกียรติ กล่าว
นายก้องเกียรติ มองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ของไทยปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับฐานปีก่อนที่ติดลบไป 17% ซึ่งถือว่าเป็นฐานของผลประกอบการที่ค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันมองว่าราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทยด้วย ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นตัวช่วยหนุนให้ธุรกิจเช่าซื้อ และธนาคารให้เติบโต
แต่อย่างไรก็ตามยังต้องระมัดระวังความเสี่ยงเรื่องของรากหญ้าที่เป็นประชากรหลักของประเทศ ที่ปัจจุบันยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า ขณะที่เงินทุนยังหมุนไปถึงเกษตรกรได้ค่อนข้างลำบาก
สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยหลังจากนี้ เห็นว่ายังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และความคืบหน้าของโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยหากประเด็นเหล่านี้มีความชัดเจน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้ทันกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้ ก็จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้ เพราะปัจจุบันราคาหุ้นของประเทศหลักๆ อาทิเช่น ญี่ปุ่น ยุโรป และจีน ยังถือว่าค่อนข้างถูก เงินทุนทั่วโลกจึงไหลไปยังประเทศเหล่านี้