"เรามองว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) จะเป็นประโยชน์สำหรับเราในหลายๆด้าน ทั้งการขยายกิจการด้านธุรกิจน้ำมันที่เป็นธุรกิจหลักของเรา และธุรกิจอื่นๆอีกด้วย ซึ่งเราก็อยู่ระหว่างรอการเจรจากับพันธมิตรจากประเทศลาวที่จะมีการเจรจาในต้นเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งเราก็คงจะให้ความชัดเจนในปีนี้ทันที สำหรับประเทศพม่าเองเราก็อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปขยายสถานีบริการน้ำมันเช่นกัน แต่สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่คือราคาที่ดินที่สูงมากๆ เราจึงมองว่าประเทศลาวคงเกิดขึ้นก่อน"นายพิทักษ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน บริทฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในช่วงไตรมาส 3/58 โดยวางงบลงทุนเบื้องต้นราว 750 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุน คาดว่าที่ตั้งของโรงไฟฟ้าจะอยู่ในที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ได้รับค่าไฟฟ้าในอัตราที่ดีกว่าพื้นที่อื่น
"ปัจจุบันเราก็ได้มีการเตรียมการในเรื่องของวัตถุดิบที่จะใช้มาผลิตไฟฟ้าไว้บ้างแล้ว ซึ่งเราคงจะตั้งโรงไฟฟ้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะมีค่า adder ที่ดีกว่าในจังหวัดอื่นๆ"นายพิทักษ์ กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้จะมีการเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.5 หมื่นล้านบาท จากปริมาณการเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายสถานีบริการน้ำมันที่ปีนี้ตั้งเป้าจะมีสถานีบริการน้ำมันครบ 1.2 พันแห่ง จากปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันแล้ว 1 พันแห่ง ในขณะเดียวกันยังมีการขยายสถานีบริการ LPG อีก 30 แห่ง จากปัจจุบันสามารถเปิดได้แล้ว 3 แห่ง นอกจากนี้ยังเปิด Max Mart อีก 15-20 แห่งในปีนี้
"ปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้ของเราจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยกลยุทธการขยายสถานีอย่างมีประสิทธิภาพ และปริมาณสมาชิก Max Card ที่มีปริมาณสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบัตรของเรามีสัดส่วนที่ Active ถึง 60-70 % และปัจจุบันการรับรู้ถึงแบรนด์ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เรายังมีการขยายไลน์ธุรกิจใหม่ๆเข้ามาอีกด้วย ทำให้เรามั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวก็ตาม แต่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาภาพรวมผลประกอบการก็เติบโตเกิน 20% ไปแล้ว"นายพิทักษ์ กล่าว