ซึ่งการลงทุนดังกล่าว มีมูลค่าเกินกว่าอำนาจของคณะกรรมการ SLC จะตัดสินใจ และขัดต่อประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนซึ่งระบุว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีอำนาจตัดสินใจลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าสินทรัพย์ โดย SLC แจ้งขนาดการลงทุนครั้งนี้ว่า มีสัดส่วน 49.49 ของสินทรพย์ แต่เป็นการนับที่ไม่ถูกต้อง เพราะตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ฯ จะต้องนำการซื้อใบสำคัญแสดงสิทธ์ NMG-W3 มารวมด้วย ซึ่งจะทำให้การซื้อครั้งนี้มีขนาดรายการ เป็นสัดส่วน ร้อยละ 57.05
ดังนั้น การซื้อหลักทรัพย์ครั้งนี้ของ SLC จึงดำเนินการไม่ถูกต้อง เพราะเกินกว่าร้อยละ 50 จากมูลค่าสินทรัพย์ ซึ่ง SLC จะต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเข้าซื้อดังกล่าว อ้างอิงตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ฯ ที่กำหนดว่า “ในกรณีที่สินทรัพย์ที่ได้มาหรือจำหน่ายไปเป็นหลักทรัพย์ ให้ประเมินมูลค่าของหลักทรัพย์ตามมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ตามสัดส่วนที่บริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทย่อยได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์นั้น"
นายสมชาย ระบุว่า สำหรับเนื้อหาของจดหมายที่ยื่นต่อก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ได้เรียกร้องให้ SLC ดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ GRAMMY, NMG และ NMG-W3 พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการลงทุนในตลาดทุนดำเนินการตามกฎหมาย กรณี SLC ไม่ปฏิบัติตามประกาศหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ และขอให้ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ สั่งระงับการใช้สิทธิ์ใดๆ ของ SLC ในฐานะผู้ถือหุ้น GRAMMY และ NMG