ขณะที่ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 6.3 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 318.68 ล้านบาท เป็นผลจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 35 เมกะวัตต์ที่รับรู้รายได้เต็มปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 550 ล้านบาท/ปี และสร้างกำไรได้กว่า 150 ล้านบาท/ปี รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าชีวมวลนี้จะมาช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงของธุรกิจน้ำตาลซึ่งราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลง
ทั้งนี้ กลุ่ม KBS ได้เริ่มโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลขนาด 35 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 55 และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ใน เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก (COD) แล้วเมื่อวันที่ 2 ม.ค.58
นายทัศน์ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 35 เมกะวัตต์ จะตอบโจทย์ด้านกลยุทธ์ของกลุ่ม KBS ในเรื่องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำแก่โรงงานน้ำตาลซึ่งเป็นธุรกิจหลัก, การเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้กลุ่มบริษัท โดยคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 19% และจะสร้างกำไรเพิ่มเติมให้กลุ่มบริษัทในปีแรกที่เริ่มดำเนินการ ประมาณ 150 ล้านบาท และปีที่สอง ประมาณ 220 ล้านบาท
นอกจากนี้ รายได้และกำไรจากโรงไฟฟ้าค่อนข้างจะมีความมั่นคงไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ จึงจะช่วยกระจายความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทซึ่งเดิม รายได้และกำไรค่อนข้างผันผวนตามภาวะราคาน้ำตาลในตลาดโลกเป็นหลัก ตลอดจนโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นหนึ่งในฟันเฟื่องของ Sugar Energy Complex ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของกลุ่มที่ต้องการบริหารจัดการการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลและการประหยัดพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อ้อย ผลิตภัณฑ์น้ำตาล และผลิตภัณฑ์พลอยได้ ให้สูงที่สุด