ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท และเตรียมเข้าประมูลงานใหม่และคาดว่าจะได้รับงานในปีนี้ โดยในส่วนของงานวิศวกรรมไฟฟ้าของภาครัฐบาลและเอกชน คาดว่าจะได้รับงานเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาทเมื่อรวมกับ Backlog ที่มีอยู่จะเป็นงานที่จะต้องดำเนินการทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร(โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการ) 800 เมกะวัตต์ที่รัฐบาลจะประกาศรับซื้อออกมา โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับงานอีก 2,500 -3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือว่าเป็น up side ในอนาคต
"ในด้านการลงทุน เราอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเข้าลงทุนในโซล่าร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้า ในระยะเวลา 2 ปี ข้างหน้าตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการลงทุนพลังงานทดแทน"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนี้ บริษัทเห็นว่าไม่ต้องมีการเพิ่มทุน เนื่องจากโครงสร้างเงินทุนที่ประกอบด้วย Demco-W6,ESOP, PP จำนวนรวม 1,500 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทสามารถกู้เงินราว 6,000-7,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีศักยภาพในอนาคตที่จะลงทุนในธุรกิจ 8,000 – 9,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคตได้
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้รับประประโยชน์จากการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี มากกว่า 120,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานกับ กฟผ.มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานส่วนเพิ่มจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน 800 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวมมากกว่า 64,000 ล้านบาทด้วย
นอกจากนี้ รับรู้เงินปันผลจากธุรกิจการลงทุน ที่บริษัทได้ถือหุ้น 15 % ในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2,3 รวมทั้งโครงการโซล่าร์ และโซล่าร์รูฟ จำนวน 3 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินปันผล ในปีนี้จำนวนรวม 195 ล้านบาท