อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ช่อง ONE และช่อง GMM25 ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มการออกอากาศอย่างเต็มที่ได้ตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับการนำคอนเทนต์ต่างๆที่มีคุณภาพเข้ามาออกอากาศทางช่อง โดยเฉพาะช่อง ONE จะเห็นได้ว่ามีกระแลการตอบรับที่ดีในส่วนของละคร ทั้งสงครามนางาม เล่ห์รตี และรายการเดอะสตาร์ 11 ที่ได้รับความนิยมสูง ทำให้เรตติ้งของช่อง ONE ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น
ในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาที่เรตติ้งของช่อง ONE ในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าช่อง 8 ของค่ายอาร์เอส และเรตติ้งในต่างจังหวัดของช่อง ONE เริ่มขยับขึ้นเข้าใกล้ช่อง 8 ซึ่งเรตติ้งรวมในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 58 ของช่อง ONE อยู่ในอันดับที่ 3 ของทีวีดิจิตอล รองจากช่อง WORKPOINT TV และช่อง 8 ส่งผลทำให้การซื้อโฆษณาของงช่อง ONE เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ช่อง GMM25 ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นนั้น แม้ว่าเรตติ้งรวมจะยังต่ำอยู่ แต่ก็มีรายการระดับแม่เหล็ก คือ Club Friday The series ที่สร้างรายได้ค่าโฆษณาอย่างมาก อีกทั้งยังมีรายได้จากการให้บริการผ่าน Youtube เข้ามาเสริม
"ช่องดิจิตอลทีวีเราก็ตั้งเป้าให้มีกำไรใน 3 ปี ซึ่งเราก็อยากผลักดันให้ได้มีกำไรให้ได้เร็วๆก่อน 3 ปี ซึ่งตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่ากระแลการตอบรับดีมาก โฆษณาก็เข้าเยอะมากโดยเฉพาะช่อง ONE ที่ออกอากาศมาได้เต็มที่และมีคอนเทนต์กระแสดี ทำให้เรตติ้งพุ่งขึ้น แต่ปีนี้ Bottom line จะหายตัวแดงหรือไม่นั่นเราก็ต้องลุ้นธุรก้จด้จิตอลทีวีนี่แหละ"นายปรีย์มน กล่าว
ส่วนธุรกิจเพลงในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนที่ 412 ล้านบาท จากการวางเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.88 พันล้านบาท โดยรายได้จากยอดขายแผ่น CD คาดว่าใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำรายได้กว่า 800 ล้านบาท โดยจะมีจำนวนการออกอัลบั้มใหม่ใกล้เคียงปีก่อนที่ 376 อัลบั้ม รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ 200 ล้านบาท รายได้จากคอนเสิร์ตฮอลล์ GMM LIVE HOUSE ที่รับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้เกือบ 100 ล้านบาท และรายได้ที่มาจากการให้บริการผ่าน Youtube ไม่ต่ำกว่า 11 ล้านบาทต่อเดือน รวมไปถึงรายได้จากการจัดโชว์บิซ อีเว้นท์ และบริการผ่านแอพพลิเคชั่น KKBOX
ทั้งนี้ ธุรกิจทีวีดิจิตอลและธุรกิจเพลงมีสัดส่วนรายได้รวมกันอยู่ที่ 70% ของรายได้ทั้งหมดของ GRAMMY
ด้านธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีกำไรหลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 55 โดยคาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 5 ล้านบาท จากปี 57 อยู่ที่ 3 ล้านบาทต่อวัน โดยเริ่มเห็นแนวโน้มยอดขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 57 มาอยู่ที่ 4.5 ล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ของธุรก้จโฮมช้อปปิ้งในปีนี้จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท จากปีก่อน 1.13 พันล้านบาท จากการเพิ่มจำนวนสินค้า การขยายฐานลูกค้าและขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยจะมีการขยายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ต้นปี
นายปรีย์มน กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจ GMM Z บริษัทตั้งเป้าขายกล่องเพิ่มอีก 1 ล้านกล่องในปีนี้ โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าที่ไช้กล่อง GMM Z อยู่ที่ 3 ล้านกล่อง อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะไม่มีการรับรู้การขาดทุนจาก GMM Z Pay TV หลังจากได้ขายกิจการดังกล่าวไปให้กับ CTH ไปตั้งแต่เดือน ก.ค.57