บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯให้ราคาเป้าหมายของบมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์(PMTA)โดย Consensus ไว้ที่ 26-33 บาท
PMTA มีความน่าสนใจในแง่ ราคาเสนอขายที่ดูจะมีส่วนต่างให้กับผู้จองซื้อพอสมควร โดยหากสมมติฐานให้อัตรากำไรเติบโต 10% (vs ค่าเฉลี่ย 18% ต่อปี ก่อนหน้า)พบว่าราคาเสนอขายคิดเป็น PER15F ที่ 5.8 เท่า ต่ำกว่าตัวเทียบเคียงอย่าง TCCC ซึ่งซื้อขายอยู่ที่ 8.7 เท่า ดังนั้นหากอิง valuation ของ TCCC มองว่า PMTA น่าจะขึ้นไปซื้อขายได้ในราว 27 บาท ส่วนในภาพธุรกิจ กำไรอยู่ในเกณฑ์สม่ำเสมอดีหลัง TTA เข้ามาบริหาร และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นได้อีก จากการขายกำลังการผลิต และเน้นบุกตลาดส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูง
อุตสาหกรรมการเกษตร กับ PMTA : ภาคการเกษตรของประเทศเวียดนาม กำลังมีจุดเปลี่ยนแปลงคือ พื้นที่การเกษตรที่เริ่มลดลงเรื่อยๆ จากการผันตัวไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ทำให้ความต้องการผลผลิตทางการเกษตรต่อไร่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปุ๋ยเคมีเกษตรถือเป็นหนึ่งในกระบวนวิธีการเพิ่มผลผลิตนี้ ส่งผลดีต่อผู้ผลิตเคมีอย่าง PMTA โดยตรง นอกจากนี้ PMTA เพิ่งขยายกำลังการผลิตอีก 29% เสร็จในปี 2557 เพื่อรองรับอุปสงค์ข้างต้น รวมถึงขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยขยายอัตรากำไรให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
ภาวะธุรกิจของ PMTA มีส่วนแบ่งตลาด 25% ในปุ๋ย NPK และ 9% ในปุ๋ยเคมีเชิงผสม ของเวียดนาม ระหว่างปี 2555-57 มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยปีละ 22% ผลักดันจากความนิยมในปุ๋ยเคมีที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทดแทนปุ๋ยอินทรีย์แบบดั้งเดิม และความสำเร็จในการปรับปรุงการผลิตเพื่อสร้าง value added ของบริษัท
อย่างไรก็ดีจุดอ่อนของธุรกิจคือ ความผันผวนของฤดูฝนในเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ปุ๋ยของเกษตรกร โดยโอกาสที่ PMTA กำลังจะมุ่งจากนี้ไปคือ การขยายตลาดส่งออกให้มากขึ้นจากเดิม 30% ของรายได้รวม ซึ่งจะช่วยขยายอัตรากำไรเพิ่มขึ้นได้อีก รวมถึงแผนการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าให้เช่า เพื่อเสริม Recurring income ในระยะยาว ส่วนแรงกดดันของธุรกิจนี้คือ ธุรกิจปุ๋ยแบบ Premium มีอัตรากำไรที่สูงเกือบ 20% ทำให้อาจดึงดูดผู้ประกอบการใหม่ๆเข้ามาในตลาดได้ แต่การที่รัฐบาลเวียดนามยังคงเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดปุ๋ย ทำให้อาจมองได้ว่าเป็นเกราะกำบังอย่างหนึ่งที่ดีของธุรกิจนี้ได้
อนึ่ง PMTA ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company) โดยลงทุนในธุรกิจหลักในบริษัท บาคองโค จำกัด ประเทศเวียดนาม ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตปุ๋ยเคมีและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่นจำหน่ายในประเทศเวียดนามภายใต้เครื่องหมายการค้า "STORK" และรับจ้างผลิตปุ๋ยเคมีให้กับลูกค้าในกว่า 30 ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจให้เช่าพื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้าที่ช่วยส่งเสริมการบริหารจัดการพื้นที่ว่างในอาคารโรงงานให้มีประสิทธิภาพด้วย