โดยจะนำเงินที่ได้จากการลงทุนไปใช้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 80% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,200 ตัน/ปี และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มูลค่าราว 80 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 240 ล้านบาท และใช้เพื่อคืนหนี้ระยะสั้นและระยะยาวราว 18 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อนึ่ง โฮม พอตเทอรี่ (HPT) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภทไฟน์ไชน่า (Fine China) เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารและเป็นเครื่องใช้ในครัว ได้ยื่นแบบเสนอขายหุ้น IPO เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเต็มมูลค่าที่ 130 ล้านบาท
นายนิรันด์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 150 ล้านบาท เติบโต 15% จาก 131 ล้านบาทปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มกำลังการผลิตและปรับปรุงโรงงาน ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิคของไทยยังเติบโตได้ดี ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 58-59 ไว้ที่ 40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตในปีนี้ 10% และปี 59 อีก 20% ส่วนที่เหลือใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างโรงงานและปรับปรุงเครื่องจักร
"ปีนี้เราจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต และปรับปรุงโรงงาน รวมถึงปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 10% ซึ่งจะช่วยให้รายได้เติบโตได้ราว 15% จากปีก่อน ในขณะเดียวกันมองว่าภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิคไทยในปี 58 จะเติบโตได้ราว 27% จากปีก่อนที่มีมูลค่าการส่งออกราว 3,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศถึง 99% บริษัทส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศสหรัฐฯ ประเทศในกลุ่มทวีปยุโรป ทวีปออสเตรเลีย ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง โดยเน้นลูกค้าวนกลุ่มโรงแรมระดับ 3-5 ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่เป็น Niche Market ที่ทางบริษัทได้พิจารณาแล้วว่าเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีอัตรากำไรที่ดีกว่ากลุ่มลูกค้าประเภทอื่นๆ"นายนิรันด์ กล่าว
นายนิรันด์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 13.75% จากการขยายกำลังการผลิต และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลง พร้อมกันนี้ยังช่วยให้ต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย