"โฮม พอตเทอรี่"คาดหุ้น IPO 120 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai ราวพ.ค.-มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 6, 2015 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิรันด์ เชาว์กิตติโสภณ ประธานกรรมการ บมจ.โฮม พอตเทอรี่ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน(โรดโชว์)ในช่วงกลางเดือนพ.ค. ในพื้นที่ 11 จังหวัด หลังเตรียมจะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในเดือนพ.ค.-มิ.ย.

โดยจะนำเงินที่ได้จากการลงทุนไปใช้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 80% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,200 ตัน/ปี และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มูลค่าราว 80 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 240 ล้านบาท และใช้เพื่อคืนหนี้ระยะสั้นและระยะยาวราว 18 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อนึ่ง โฮม พอตเทอรี่ (HPT) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภทไฟน์ไชน่า (Fine China) เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารและเป็นเครื่องใช้ในครัว ได้ยื่นแบบเสนอขายหุ้น IPO เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีทุนชำระแล้วเต็มมูลค่าที่ 130 ล้านบาท

นายนิรันด์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 150 ล้านบาท เติบโต 15% จาก 131 ล้านบาทปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มกำลังการผลิตและปรับปรุงโรงงาน ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิคของไทยยังเติบโตได้ดี ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 58-59 ไว้ที่ 40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตในปีนี้ 10% และปี 59 อีก 20% ส่วนที่เหลือใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างโรงงานและปรับปรุงเครื่องจักร

"ปีนี้เราจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต และปรับปรุงโรงงาน รวมถึงปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 10% ซึ่งจะช่วยให้รายได้เติบโตได้ราว 15% จากปีก่อน ในขณะเดียวกันมองว่าภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิคไทยในปี 58 จะเติบโตได้ราว 27% จากปีก่อนที่มีมูลค่าการส่งออกราว 3,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศถึง 99% บริษัทส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศสหรัฐฯ ประเทศในกลุ่มทวีปยุโรป ทวีปออสเตรเลีย ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง โดยเน้นลูกค้าวนกลุ่มโรงแรมระดับ 3-5 ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่เป็น Niche Market ที่ทางบริษัทได้พิจารณาแล้วว่าเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีอัตรากำไรที่ดีกว่ากลุ่มลูกค้าประเภทอื่นๆ"นายนิรันด์ กล่าว

นายนิรันด์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 13.75% จากการขยายกำลังการผลิต และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลง พร้อมกันนี้ยังช่วยให้ต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ