"ผมไม่รู้สึกกังวลกับภาพรวมอุตสาหกรรมเพลงที่ดูจะเป็นโจทย์หินแต่ไม่ยาก เพราะมันอยู่ในความคาดหมายของเราอยู่แล้ว แถมผมเองก็เกิดและเติบโตในธุรกิจนี้มากว่า 23 ปี ผ่านทุกบทพิสูจน์มาหมดแล้ว ยิ่งเรามีแต้มต่อในการเป็นเจ้าของสื่อเอง ปั้นศิลปินเอง ทำเพลงเอง มาบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ยิ่งทำให้เกิดความคล่องตัวแถมมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจสูง ที่สำคัญช่วยลดต้นทุนการทำงานอีกด้วย"นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเพลงในช่วงครึ่งปีแรกไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่ได้ฟังเพลงน้อยลงเพียงแต่เปลี่ยนช่องทางการรับฟัง และเชื่อว่านับจากนี้แนวโน้มการแข่งขันอุตสาหกรรมเพลงจะเข้มข้นไปด้วยรูปแบบทำรายได้ครบวงจร 360 องศา เริ่มตั้งแต่กระบวนคัดสรรศิลปิน ผลิตคอนเทนต์เพลง รวมถึงมีสื่อในมือเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นำพาคอนเทนต์เพลงไปให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรงและรวดเร็ว ตลอดจนต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้คอนเทนต์เพลง ส่งไปยังตัวศิลปินเพื่อสร้างรายได้อื่นๆ เช่น พรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ, แอมบาสเดอร์โครงการต่างๆ, งานโชว์ตามกิจกรรมการตลาดต่างๆ เป็นต้น
ในส่วนของบริษัทหลังจากปรับโครงสร้างใหม่ตั้งแต่เมื่อปลายปี 57 ด้วยการ Synergy เข้ากับธุรกิจต่างๆ ภายในเครือ เพื่อให้เกิดโอกาสใหม่และเกิดประโยชน์หรือรายได้สูงสุด โดยเริ่มเห็นผลจากการตอบรับของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในการใช้เม็ดเงินเพื่อการลงโฆษณา รวมถึงการต่อยอดกับตัวคอนเทนต์เพลง ดังนั้น ในครึ่งหลังปีนี้ บริษัทจะเสริมทัพด้วยการหยิบจุดแข็งทางด้านการเป็นเจ้าของสื่อทั้งทีวีและวิทยุมาต่อยอดการทำงานให้เป็นแบบวันสต็อป เซอร์วิส (One Stop Service) ควบคู่การใช้กลยุทธ์คัสโตเมอร์ โอเรียนเต็ด (Customer Oriented) โดยจะยึดถือเอาความต้องการของลูกค้าเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ทำให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดกับลูกค้า ทั้งลูกค้าในแง่คนฟังเพลงหรือลูกค้าในแง่พาร์ทเนอร์
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะออกซิงเกิ้ลใหม่ทั้งเพลงสตริงและเพลงลูกทุ่งไม่ต่ำกว่า 100 เพลง ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยศิลปินไฮไลต์ที่จะมีผลงานโดดเด่น ได้แก่ ใบเตย, ฟิล์ม รัฐภูมิ, จ๊ะ, กระแต เป็นต้น