"เชื่อว่า PIMO จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานในการทำธุรกิจการผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ (Air Movement Motor) มอเตอร์กำลัง (Induction Motor) และเครื่องสูบน้ำ(Submersible Pump) ที่มีประสิทธิภาพสูง ภายใต้สินค้า Pioneer ประกอบกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการยกระดับ เพื่อเป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์ ให้มีมาตรฐานในระดับสากล รวมถึงการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น"นายสมภพกล่าว
ด้านนายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ ของ PIMO เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปี ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2555-2557 มีดังนี้ รายได้รวมปี 2555 จำนวน 393 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 471 ล้านบาท ในปี 2556 ส่วนปี 2557 ปิดตัวเลขที่ 489.47 ล้านบาท โดยรายได้มาจากสินค้าประเภทมอเตอร์แอร์คอนดิชันนิ่งเป็นหลัก มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% ตามลำดับ ด้านกำไรสุทธิปี 2555 จำนวน 9.06 ล้านบาท ปี 2556 จำนวน 30.37 ล้านบาท และปี 2557 ปิดตัวเลขที่ 40.26 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เนื่องจากจะช่วยให้มีความมั่นคง หวังเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพด้านการตลาด รวมไปถึงมีเงินทุนในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน และการที่บริษัทเป็นบริษัทมหาชน ทำให้ PIMO เป็นบริษัทที่มีความโปร่งใส ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้า พันธมิตร และคาดจะช่วยหนุนให้กิจการเติบโตได้ในอนาคต PIMO หนึ่งในผู้นำทางด้านการผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ (Air Movement Motor) มอเตอร์กำลัง (Induction Motor) และเครื่องสูบน้ำ(Submersible Pump) ที่มีประสิทธิภาพสูง ภายใต้สินค้า Pioneer