"จากผลประกอบการที่ผ่านมา บริษัทมีผลการดำเนินการเติบโตมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ จึงได้ทบทวนและปรับเป้ายอดเติมเงินปี 2558 ให้มีความท้าทายแต่อยู่ในวิสัยที่ทำได้มากยิ่งขึ้น จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 14,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถทำได้ตามเป้าหมายใหม่ ถือได้ว่าบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวม 361 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% และ 83% ตามลำดับ จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการขยายจำนวนตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติมจาก 34,996 ตู้ในไตรมาส 1/57 เพิ่มเป็น 47,392 ตู้ในไตรมาส 1/58
ขณะเดียวกันจากความหลากหลายของบริการหน้าตู้ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการ "ตู้บุญเติม" เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ครั้ง/วัน ซึ่งช่วยผลักดันให้ยอดเติมเงินเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งบริษัทยังคงแนวทางการจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรของบริษัทเติบโตได้ในอัตราที่สูงกว่ารายได้ที่เติบโตขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังคงหารายได้จากช่องทางอื่นๆมากขึ้น เช่น สื่อโฆษณาที่ล่าสุดบริษัทได้ลูกค้าใหม่ 2 ราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำดื่มตราช้าง และไอศครีมวอลล์ที่ลงโฆษณาที่ขาตู้บุญเติมในลักษณะ POP (Point of Purchase) โดยบริษัทได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับไอศครีมวอลล์ในการนำรหัสใบเสร็จรับเงินที่ 7-11 มาแลกเป็นยอดเติมเงินหน้าตู้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ยังคงมุ่งหน้าต่อยอดธุรกิจตามแผนการเติบโตที่ตั้งไว้ คือแนวทางการหารายได้จาก 5 ช่องทางธุรกิจ ให้ครอบคลุมการเป็น Digital Retail Channel ได้แก่ รายได้จากการเติมเงินมือถือ รายได้จากการเติมเงินอื่นๆ รายได้จากการโฆษณา รายได้จากการรับชำระค่าบริการ และรายได้จากการขายสินค้า เพื่อความเป็น"ผู้นำด้านช่องทางการชำระเงิน" ที่จะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการทดสอบผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อทดลองตลาดและความแม่นยำเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากที่สุด