ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการที่ใกล้จบ เช่น ชวนชื่น เพชรเกษม 81, ชวนชื่นพระราม 2 ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษมากกว่าปกติเพื่อปิดการขาย ในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 103.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.57% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 101.63 ล้านบาท หลังหักดอกเบี้ยและภาษีแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท ลดลง 31.85% จากไตรมาส 1/57 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 44.78 ล้านบาท โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ประจำไตรมาส 1/57 เท่ากับ 6.99% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 10.55%
บริษัทรับรู้รายได้จากการขายและบริการ จำนวน 434.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.08% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 421.7 ล้านบาท โครงการหลักที่สร้างรายได้ในไตรมาสนี้ ได้แก่ ชวนชื่น จรัญฯ 3,ชวนชื่น เพชรเกษม 81,ชวนชื่น บรู๊คไซด์ และชวนชื่น โมดัส วิภาวดี
ในส่วนของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 199.74 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา จาก 7,361.25 ล้านบาทเป็น 7,561.0 ล้าน หนี้สินรวมปรับเพิ่มขึ้น 168.73 ล้านบาท จาก 1,891.39 ล้านบาทเป็น 2,060.11 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการออกหุ้นกู้ เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการ สอดคล้องกับงบกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินที่เป็นบวก 179.54 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมีการกู้ยืมเพิ่มขึ้น แต่หนี้สินรวมก็ยังอยู่ในระดับต่ำ เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสนี้ ซึ่งเท่ากับ 0.37 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 0.35 เท่า
อนึ่ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB+" (Triple B Plus) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่มีมาอย่างยาวนานในตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ตลอดจนความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง และนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงฐานรายได้ของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ