สำหรับโครงการร่วมทุนญี่ปุ่นผลิตแผงโซลาร์มูลค่า 100 ล้านบาทคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าที่จะลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้เกิน 2 เท่าในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 เท่า โดยบริษัทฯได้นำรายได้ที่เข้ามาไปชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตครบ 500 เมกะวัตต์ในปี 62 โดยโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นขนาด 150 เมกะวัตต์จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/58 ซึ่งบริษัทถือหุ้น 10% คิดเป็นเม็ดเงิน 1.5 พันล้านบาท เป็นการลงทุนด้วยเงินสดทั้งหมด ส่วนโครงการที่ฟิลิปปินส์บริษัทจะเข้าไปถือหุ้น 40% ขณะนี้มีผู้ประกอบการของฟิลิปปินส์ได้รับใบอนุญาตหลายราย บริษัทคาดจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาราว 100 เมกะวัตต์ จากที่ภาครัฐประกาศออกมา 500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นางวันดี กล่าวถึงโครงการลงทุนในประเทศว่า บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานโซลาร์ฟาร์มภาครัฐที่เตรียมเปิดให้ยื่นข้อเสนอผลิตไฟฟ้าตามโครงการโซลาร์สหกรณ์ 800 เมกะวัตต์ โดยคาดหวังว่าจะได้งานราว 200 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้ยังสนใจเข้าซื้อใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของผู้ประกอบการเดิมที่ยังไม่ได้เริ่มโครงการที่เหลืออยู่ราว 1,000 เมกะวัตต์