WICE เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศ พร้อมการให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และการขนส่งในประเทศ รวมถึงการให้บริการขนส่งสินค้าแบบประตูสู่ประตู (Door to Door)
ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท
นายวิชา โตมานะ กรรมการผุ้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและผู้รับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ WICE เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของก.ล.ต. โดยในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ทางบริษัทจะให้เจ้าหน้าที่จากก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้าไปเยี่ยมชมกิจการของบริษัท
ทั้งนี้คาดว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) 150 ล้านหุ้น และการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ของ WICE จะอยู่ในช่วงกลางไตรมาส 3/58
สำหรับการระดมทุนโดยการขายหุ้น IPO 150 ล้านหุ้น ทาง WICE มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าและการสร้างคลังสินค้าของบริษัทแห่งแรก ซึ่งปัจจุบันบริษัทไม่มีคลังสินค้าเป็นของตนเอง ซึ่งยังต้องเช่าคลังสินค้าของบริษัทอื่นอยู่ อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่ WICE ต้องการระดมทุนในครั้งนี้เบื้องต้นคาดหวังไว้ที่ 200-300 ล้านบาท
WICE เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อย่างครบวงจร มีมาตรฐานและการดำเนินงานยาวนานกว่า 20 ปี และได้รับความไว้วางใจจากลุกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทเป็นผู้นำด้านการขนส่งที่มีมาตรฐานในการจัดส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบในแต่ละประเทศจนถึง ณ โรงงานลูกค้า (Door-to-Door) โดยให้บริการขนส่งทั้งทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งการขนส่งทั้ง 2 ช่องทางในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะการขนส่งทางน้ำที่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนการขนส่งทางอากาศลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย ซึ่งการขนส่งทางอากาศแม้ว่าจะมีค่าบริการที่สูง แต่เป็นช่องทางที่สร้างอัตรากำไรสุทธิให้แก่บริษัทเป็นอย่างดี
"ความน่าสนใจของ WICE มาจากการบริการที่ครบวงจร การเป็นผู้นำการให้บริการขนส่ง มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของลูกค้า มีการให้บริการแบบ Door-to-Door ซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท และที่ผ่านมาบริษัทก็มีการเติบโตเป็นอย่างดี แม้ว่าบางช่วงจะได้รัผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ อย่างช่วงวิกฤตแฮมเบอเกอร์ ลูกค้าจากอเมริกาก็มีการงดการขนส่งไปบ้าง แต่ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นลูกค้าก็มาทำการขนส่งกับบริษัท จุดเด่นเหล่านี้คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจในตัวของ WICE และมองภาวะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากที่ช่วงนี้ดูจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ดความเหมาะสมของภาวะตลาดประกอบด้วยว่าช่วงไหนควรเข้า" นายวิชา กล่าว
ด้านนายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE กล่าวว่า การระดมทุนโดยการจำหน่ายหุ้นสามัญให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) 150 ล้านหุ้นในครั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ในการเพิ่มจำนวนรถขนส่ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจำนวนรถหัวลากอยู่ที่ 22 คัน และการสร้างคลังสินค้าแห่งแรกซึ่งเป็นของบริษัทเอง ที่อำเภอแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยจะใช้เงินในการก่อสร้างคลังสินค้าราว 150 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่ในการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าจะมาจากเงินที่ได้จาก IPO ซึ่งการก่อสร้างคลังสินค้าที่เป็นของบริษัทเองจะทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการเช่าคลังสินค้าของบริษัทอื่นลง และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งของบริษัท และตอบโจทย์การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร อีกทั้งยังมีรายได้เพิ่มเข้ามาจากการให้บริการเช่าคลังสินค้า
นอกจากนี้การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) บริษัทได้เล็งเห็นถึงการสร้างความน่าเชื่อถือให้มากขึ้น โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติจะได้มีความไว้วางใจมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการที่บริษัทจะหาพันธมิตรรายอื่นเข้ามาช่วยสนับสนุนงานขนส่งของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรที่ถือหุ้นในบริษัท คือ บริษัท ซัน เอ๊กเพรส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการขนส่งจากต่างประเทศถือหุ้นใน WICE มายาวนาน ทำให้เมื่อบริษัทมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้วจะทำให้การหาพันธมิตรรายอื่นๆเข้ามา จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้มาก ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้มีการปิดโอกาสในส่วนนี้
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทในปี 58 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปี 57 ที่มีรายได้อยู่ที่ 670.20 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากการที่ลุกค้าปัจจุบันของบริษัทที่มีอยู่จำรวน 350 ราย ที่มีการใช้บริการการขนส่งของบริษัทอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น และการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ โดยจะใช้การต่อยอดจากกลุ่มลุกค้าปัจจุบัน ซึ่งบริษัทจะมีการขยายไปในกลุ่มลูกค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ของลูกค้าปัจจุบัน เพื่อทำให้ฐานลูกค้ามีการขยายเพิ่มขึ้น
สัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากการให้บริการขนส่งทางน้ำ 55% การให้บริการขนทางอากาศ 25% และการให้บริการด้านการสนับสนุนการขนส่งอื่นๆอีก 20% และคิดเป็นสัดส่วนรายได้จากการให้บริการส่งออก 55% และการนำเข้า 45% ซึ่งบริษัทยังรักษาสัดส่วนรายได้ให้เป็นไปตามสัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน และรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 10%
"เรามั่นใจว่าการระดมทุนในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะเรานำเงินที่ได้ไปลงทุนต่อยอดธุรกิจของเรา การเข้า SET ก็เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากขึ้นในแง่ของตัวลูกค้าและการหาพันธมิตรใหม่เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพในการให้บริการขนส่งของบริษัท ซึ่งเราก็ไม่ปิดโอกาสตรงส่วนนี้ เราก็มีคุยๆอยุ่หลายราย ส่วนภาวะตลาดที่ตอนนี้หลายๆคนมองว่าไม่ดีนัก เราก็ต้องรอดุอีกทีว่าช่วงที่เราจะเข้านั้นเป็นอย่างไร ซึ่งก็เชื่อมั่นในการคาดการณ์ของที่ปรึกษาฯเราว่าภาวะตลาดในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งทำให้เราไม่กังวลมากนัก"นายชูเดช กล่าว