SPA คาดกำไรปีนี้นิวไฮตามรายได้คาดโต 50% เพิ่มสาขาในประเทศ-AEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2015 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป(SPA)เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตได้ราว 50% ทำสถิติสูงสุด จากปีก่อนที่มีรายได้ 343.36 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจะเติบโตไปตามรายได้ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.25 ล้านบาท เป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง สิงค์โปร ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริษัท
"เราคาดว่าการเติบโตปีนี้จะอยู่ราว 50% ซึ่งมากกว่าอุตสาหกรรมที่น่าจะโตได้ 10% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว หรือนโยบายของภาครัฐโดยจะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเรามีการเติบโตถึง 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 24% ขณะที่ไตรมาส 2/58 ก็คาดว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดหวังอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20% จากปีก่อน 18%"นายวิบูลย์ กล่าว

นายวิบูลย์ กล่าวว่า สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทในปีนี้ยังมาจากธุรกิจสปาทั้ง 2 แบรนด์ คือ ระรินจินดา เวลล์เนส สปา (ระดับ 5 ดาว) และ Let’s Relax Spa (ระดับ 4 ดาว) คิดเป็น 80% ขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารคิดเป็น 14% ส่วนที่เหลือเป็นการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและอื่นๆ

แผนงานในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 400 ล้านบาท โดยจะใช้ในการเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 17 สาขา จากเดิมมีสาขาอยู่ที่ 13 สาขา ทั้งในส่วนของระรินจินดา เวลล์เนส สปา และ Let’s Relax Spa รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการสปาในประเทศ เป็นแบรนด์ระดับ 3 ดาว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 3/58 น่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท

สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ซื้อกิจการดังกล่าวจะมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ที่ยังมีเหลืออยู่ราว 100 ล้านบาท และกระแสเงินสดอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน ซึ่งบริษัทฯมี D/E ต่ำกว่า 0.25% ซึ่งบริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกจำนวนมาก

"ธุรกิจสปาระดับ 3 ดาว จะเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงและเป็นโอกาสดีในการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าคนไทยได้มากขึ้น"นายวิบูลย์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขยายสาขาไปยังภูมิภาคอาเซียน (AEC) ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่า โดยจะเน้นฐานลูกค้าเดิมที่เป็นนักท่องเที่ยวแบบอิสระ(FIT)ที่เริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นในลักษณะการร่วมทุน หรือรูปแบบเฟรนไชส์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้เป็นแห่งแรก คือ กัมพูชา

นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะที่ธุรกิจโรงแรมและอาหาร บริษัทฯได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แม้ในช่วงที่เป็นโลว์ซีซั่น แต่ก็ยังมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 81% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 60% โดยบริษัทเตรียมปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักในช่วงปลายปีเป็น 3,000 บาท/ห้อง/วัน จากระดับราคาปัจจุบันอยู่ที่ 2,700 บาท/ห้อง/วัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ