ส่วนโครงการเทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ จะเริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป ซึ่งจะสร้างความต่อเนื่องในการขยายตัวของรายได้และผลกำไรอย่างน้อย 3-5 ปีหลังจากนี้
นายชัยรัตน์ ระบุว่า การรับงานเพิ่มในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้บริษัทฯขยายตัว และในปีนี้บริษัทฯ ได้มีการรับงานเพิ่มแล้ว มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ส่วนการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการโอนกรรมสิทธิ์ คอนโดมิเนียม เทมโป วัน รามคำแหง-พระรามเก้า ที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและจะมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในปลายปีนี้ และน่าจะทำให้ผลการดำเนินการทั้งในแง่รายได้และกำไรโดยรวมของบริษัทฯดีกว่าปีก่อน
ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมที่ 6,700 ล้านบาท ขยายตัว 8.6% (Consolidated) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากบริษัทในเครือได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 6,200 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยบมจ.บิลท์ แลนด์ 220 ล้านบาท ธุรกิจผลิตแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปโดยบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด 605 ล้านบาท และธุรกิจบริการหลังการขายโดยบริษัท บิลท์ ฮาร์ท จำกัด 7 ล้านบาท
“บริษัทฯมีนโยบายในการรักษาการขยายตัวของรายได้รวม และรักษาอัตราการทำกำไรให้ขยายตัวดีและมีความต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกบริษัทมีมูลค่างานคงค้างในมือ (แบ็กล็อก) 8,500 ล้านบาท" นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 1,158 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.6 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่มีกำไรสุทธิ 56.1 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 1,085 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 13.6 ล้านบาท ธุรกิจผลิตแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูป 116.5 ล้านบาท และธุรกิจบริการหลังการขาย 1.4 ล้านบาท
“จากขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 58 ผลกำไรของบริษัทฯยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,158 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 65.6 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือมีรายได้รวมที่ 6,700 ล้านบาท ขยายตัว 8.6%" นายชัยรัตน์ กล่าว