ล่าสุด บริษัทเสนอขายกองทุน กองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund: M-GARS) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ราคาต่อหน่วย 10 บาท เสนอขายแก่ผู้ที่มีเงินลงทุนสูงขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อราย ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2558 โดยกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุน Feeder Fund ที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) ของ STANDARD LIFE INVESTMENT เน้นกลุ่มนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนที่ บลจ.เมย์แบงก์มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และเห็นโอกาสของการลงทุนในต่างประเทศที่จะให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี
สำหรับจุดเด่นของกองทุนหลัก Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) คือเป็นกองทุน Multi-Asset และ Muti-Strategy ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และการผสมผสานการลงทุนในแบบดั้งเดิมและแบบก้าวหน้าเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอภายใต้ความผันผวนที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดกลยุทธ์การลงทุนที่มีเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจนในระยะเวลาที่กำหนด และสิ่งที่สำคัญคือการบริหารความเสี่ยง จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงของกองทุน (GARS) อยู่ในระดับต่ำ ใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
บริษัทคาดว่ากองทุน M-GARS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งกองทุน GARS ที่ทางบริษัทเลือกเข้าไปลงทุนนั้น เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเน้นการให้ผลตอบแทนที่ดี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีสินทรัพย์อยู่ที่ 12.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 10.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากสินทรัพย์ ณ สิ้นปี 2557
สำหรับทิศทางการลงทุนในต่างประเทศ ทางบลจ.เมย์แบงก์ ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนในต่างประเทศน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องค่าเงินของยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะเริ่มฟื้นตัวและตัวเลขอัตราการว่างงานน่าจะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดโดยรวม
ส่วนตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยงในด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีการปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของคนไทยเริ่มลดลง ประกอบการการใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนต่างๆยังมีความล่าช้า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามหากมีความชัดเจนในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ โดยปีนี้ บลจ.เมย์แบงก์ ให้เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1,620 – 1,650 จุด