และบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุน หรือซื้อกิจการในธุรกิจจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างในประเทศ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และดันสัดส่วนรายได้ธุรกิจต่างประเทศโดยรวมเพิ่มเป็น 10% ในปี 2560
บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,610 ล้านบาท และ 147 ล้านบาทตามลำดับ หลังจากโรงงานและคลังสินค้าใหม่แล้วเสร็จในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มกำลังผลิตและยอดขายให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) กว่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด รวมทั้งตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้มากกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 5.6% โดยจะบริหารต้นทุนการ ขาย และบริหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 17.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26.5 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มโชว์รูมอีกหนึ่งแห่ง ที่ถนนราชพฤกษ์ รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายได้เพิ่มขึ้น 2.8 ล้าน บาทเป็นผลจากบริษัทฯ ได้ใช้เงินจำนวนประมาณ 170 ล้านบาท เพื่อการก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 574 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 3% เป็นผลจากราย ได้จากงานโครงการซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทได้ปรับตัวลดลง 9% เนื่องจากหน่วย งานราชการได้จัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อหลอดไฟ LED ลดลงรวมทั้งมีหลายโครงที่ลูกค้าขอ ให้บริษัทเลื่อนส่งสินค้าไปเป็นไตรมาส 2 แม้ว่างานขายส่งและขายปลีกได้เพิ่มขึ้น 5% และงานส่งออกได้ขยายตัวเพิ่ม ขึ้น 63% เพราะตลาดในประเทศพม่าได้ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“L&E มีกำไรไตรมาส 1 ที่ 17.4 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านการเพิ่มโชว์รูมแห่งใหม่ที่ถนนราชพฤกษ์ และค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ แต่กำไรสุทธิจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 2 จากธุรกิจในเมียนมาร์ที่เริ่มเปิดดำเนินการมา ตั้งแต่ ไตรมาสแรกปีนี้ รวมทั้งธุรกิจในเวียดนามก็ไปได้สวย ทำให้เรามั่นใจว่าตลอดปี 2558 นี้ L&E จะมีราย ได้และกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20%" นายปกรณ์ กล่าว