สำหรับความคืบหน้าการเจรจาออเดอร์ใหม่จากประเทศอินเดียมูลค่า 50-80 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่รอวันที่สะดวกเพื่อเซ็นต์สัญญา โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นต์สัญญาได้ภายในไตรมาส 2/2558 ซึ่งออเดอร์ใหม่ที่เข้ามาจะเป็นตัวช่วยผลักดันผลประกอบการในปี 2558 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
"เราเน้นการทำกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น หลังจากที่สินค้าในกลุ่มตลาดทดแทนภายในประเทศ (REM) ค่อนข้างซบเซาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ขณะเดียวกันยังเน้นการรับจ้างผลิต (OEM) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย OEM ในประเทศมีแผนขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มส่งออเดอร์ให้กับกลุ่มซูซุกิแล้วอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ OEM ในต่างประเทศ นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าหลักที่มาเลเซียแล้ว บริษัทยังมีแผนการขยายตลาดไปยังอินเดียเพิ่มเติม"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 178 ล้านบาท ลดลง 4.22% จากช่วงปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 186 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้รายได้ลดลงนั้นมาจากตลาดในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดเก็บภาษี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ทำให้ลูกค้ามีการชะลอการสั่งซื้อสินค้า และมีการขอให้เก็บสินค้าไว้ที่คลังเราก่อนและให้ส่งสินค้าดังกล่าวหลังวันที่ 1 เมษายน 2558 ทำให้รายได้ที่ควรจะอยู่ในไตรมาส 1 จำนวนประมาณ 9 ล้านบาท จะถูกบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 2/58
ขณะที่มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 4.7 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.8 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น จากการรับรู้ทรัพย์สินก่อสร้าง และเครื่องจักรที่ลงทุนในปี 57 ประกอบกับ รายได้ส่งออกที่ลดลงในไตรมาสแรก ที่จะไปรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 2/58 แทน
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าไตรมาส 1/58 จะเป็นไตรมาสที่รายได้และกำไรต่ำที่สุดของปี 58 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสต่อๆไป โดยยังคงเป้าหมายการขยายตัวของรายได้และผลกำไรตามแผนที่บริษัทได้ตั้งไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 ถือเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้แล้ว หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าทิศทางหลังจากนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเราได้ปรับกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง และขยายฐานรายได้"นายชัยสิทธิ์ กล่าว