NDR เตรียมเซ็นรับงานอินเดียใน Q2/58 มูลค่า 50-80 ลบ./ปี ดันสัดส่วนรายได้ตปท.เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2015 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2558 น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากในประเทศและต่างประเทศ และมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10% จากปีก่อน เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากเดิม 50% และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปีนี้ ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 7% โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการเจรจาออเดอร์ใหม่จากประเทศอินเดียมูลค่า 50-80 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่รอวันที่สะดวกเพื่อเซ็นต์สัญญา โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นต์สัญญาได้ภายในไตรมาส 2/2558 ซึ่งออเดอร์ใหม่ที่เข้ามาจะเป็นตัวช่วยผลักดันผลประกอบการในปี 2558 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

"เราเน้นการทำกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น หลังจากที่สินค้าในกลุ่มตลาดทดแทนภายในประเทศ (REM) ค่อนข้างซบเซาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ขณะเดียวกันยังเน้นการรับจ้างผลิต (OEM) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย OEM ในประเทศมีแผนขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มส่งออเดอร์ให้กับกลุ่มซูซุกิแล้วอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ OEM ในต่างประเทศ นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าหลักที่มาเลเซียแล้ว บริษัทยังมีแผนการขยายตลาดไปยังอินเดียเพิ่มเติม"นายชัยสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 178 ล้านบาท ลดลง 4.22% จากช่วงปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 186 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้รายได้ลดลงนั้นมาจากตลาดในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการจัดเก็บภาษี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ทำให้ลูกค้ามีการชะลอการสั่งซื้อสินค้า และมีการขอให้เก็บสินค้าไว้ที่คลังเราก่อนและให้ส่งสินค้าดังกล่าวหลังวันที่ 1 เมษายน 2558 ทำให้รายได้ที่ควรจะอยู่ในไตรมาส 1 จำนวนประมาณ 9 ล้านบาท จะถูกบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 2/58

ขณะที่มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 4.7 ล้านบาท จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.8 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น จากการรับรู้ทรัพย์สินก่อสร้าง และเครื่องจักรที่ลงทุนในปี 57 ประกอบกับ รายได้ส่งออกที่ลดลงในไตรมาสแรก ที่จะไปรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 2/58 แทน

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าไตรมาส 1/58 จะเป็นไตรมาสที่รายได้และกำไรต่ำที่สุดของปี 58 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสต่อๆไป โดยยังคงเป้าหมายการขยายตัวของรายได้และผลกำไรตามแผนที่บริษัทได้ตั้งไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 ถือเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้แล้ว หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าทิศทางหลังจากนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเราได้ปรับกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง และขยายฐานรายได้"นายชัยสิทธิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ