โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวม 822 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิที่ 70 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1 และ 2 รวมถึงสำเพ็ง 2 เฟส 4 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
"ผลงานในไตรมาสแรกของปีนี้ ถือว่ายังเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถทำกำไรให้เติบโตกว่าไตรมาสที่แล้ว เพราะหากดูจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ยอดขายมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากชะลอกำลังซื้อของผู้บริโภค จากปัญหาเศรษฐกิจที่ยังปรับตัวช้าที่คาดไว้"นายทนงศักดิ์ กล่าว
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มีอยู่ เช่น โครงการสำเพ็ง 2 มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยแบบผสมทิวลิปสแควร์มูลค่า 1,800 ล้านบาท และโครงการที่พักอาศัยไมอามี่ บางปู พร้อมคอมมิวนิตี้มอลล์ มูลค่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปีนี้และปีหน้าทั้งหมด
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าจะขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ต่างๆของภาครัฐ รวมทั้งการแก้ปัญหาราคาสินค้าในส่วนของภาคเกษตรกรจะมีความชัดเจนมากขึ้นแค่ไหน เพราะหากโครงการเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมที่ชัดเจนมากขึ้น จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น
โดยบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาทในช่วงปลายปี 58 ถึงต้นปี 59 โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ ได้แก่ โครงการตลาดน้ำร้อยปี ในทำเลย่านบางบัวทอง ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 86 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/58 ,โครงการสปอร์ตคลับในพื้นที่โครงการ แพรกษา มีพื้นที่ จำนวน 200 ไร่ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายโครงการภายในปี 58 เช่นกัน
ขณะที่โครงการสำเพ็ง 2 บนทำเลย่านรังสิต โดยมีพื้นที่ จำนวน 140 ไร่ มูลค่าประมาณ 1,000-3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในต้นปี 59 ซึ่งโครงการดังกล่าวทั้ง 3 โครงการมีจุดเด่นที่ไม่มีคู่แข่งในย่านทำเลดังกล่าว และมีความสะดวกในการคมนาคมมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นเชื่อมต่อก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ