อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกของปีนี้กำไรสุทธิปรับลดลงมาเหลือ 891 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1.06 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าไตรมาส 2/58 ทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตขึ้น เนื่องจากจะไม่มีการเร่งปิดโครงการเหมือนช่วงไตรมาส 1/58 กว่า 20 โครงการเพื่อลดค่าใช้จ่ายทางด้านการบริหารจัดการ
ประกอบกับ ในช่วงไตรมาส 2/58 จะเริ่มทยอยโอนคอนโดมิเนียมอีก 5 โครงการ และโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังไม่มีสัญญาณฟองสบู่ แม้จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาเพิ่ม แต่ที่อาศัยยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพ และผู้บริโภคก็ยังความเชื่อมั่นในโครงการของบริษัท
"ในช่วงไตรมาส 1/58 กำไรสุทธิปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเราเร่งที่จะปิดโครงการประมาณ 20 โครงการเพื่อลดต้นทุนการขายลง จึงลดราคาเพื่อรีบขาย แต่ช่วงไตรมาส 2/58 เป็นต้นไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบขึ้นอีก เชื่อว่ากำไรสุทธิและรายได้กลับมาเป็นปกติ"นายเลอศักดิ์ กล่าว
สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อในช่วงต้นปีลดลงมาอยู่ที่ 5% แล้ว จากช่วงปลายปีก่อนอยู่ที่ 7% เนื่องจากบริษัทได้ปรับนโยบายเพื่อให้คำปรึกษากับลูกค้า ประกอบกับ บริษัทร่วมมือกับธนาคารหลายแห่งในลักษณะพันธมิตร เพื่อให้ลูกค้าได้ยื่นเอกสารเพื่อทดลองขอสินเชื่อก่อนซื้อจริง
"การภาครัฐฯมีนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ตั้งเป้าว่าจะต้องเบิกได้สูงถึง 80% และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งติดต่อกัน จะเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาฯ"นายเลอศักดิ์ กล่าว
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PS เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/58 บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่ราว 11-13 โครงการ มูลค่าโครงการ 9 พัน-1.1 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะทำยอดขายได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/58 ที่มียอดขาย 1.28 หมื่นล้านบาท เติบโต 64.5% จากไตรมาส 4/57 ขณะที่มีรายได้ 8.3 พันล้านบาท
ขณะนี้ PS มียอดขายรอโอน(backlog)ราว 3.86 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคงเป้ารายได้ในปีนี้ราว 4.7 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป้าหมายยอดขายที่คาดว่าจะทำได้ 4.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 70-75 โครงการใหม่ราว 5.5-6.1 หมื่นล้านบาท
นายทองมา กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะทะลุ 4.7 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย ส่วนหนึ่งจะมาจากยอดขายรอโอน(Backlog)ที่มีอยู่รวม 38,681 ล้านบาท ซึ่งกำหนดจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 23,616 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/58 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้แล้ว 8,303 ล้านบาท เติบโต 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 8,009 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น ยังเชื่อว่ายอดขายปีนี้ก็จะทะลุเป้าหมาย 4.7 หมื่นล้านบาท หลังจากไตรมาส 1.58 ทำยอดขายได้แล้ว 12,761 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 64.5% จากไตรมาส 4/57 โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 70-75 โครงการ มูลค่า 55,000-61,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกเปิดไปแล้ว 14 โครงการ มูลค่า 15,279 ล้านบาท และไตรมาสนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 11-13 โครงการ มูลค่า 9,000-11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 9-10 โครงการ บ้านเดี่ยว 1-2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
สำหรับสัดส่วนรายได้ในช่วงไตรมาส 1/58 มาจากกลุ่มทาวน์เฮ้าส์สูงถึง 57% บ้านเดี่ยว 29% คอนโดมิเนียม 13% และโครงการในต่างประเทศ 1% ผลสำเร็จดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตสูงขึ้น และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเป็น 15% เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่มีส่วนแบ่งตลาด 13% โดยส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากทุกประเภทสินค้า และมีการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้นด้วย
"ปีนี้เรามั่นใจทั้งยอดขายและรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากแนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น จากปัจจัยบวกสนับสนุนเรื่องของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น จึงคาดว่าภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าปีก่อน" นายทองมา กล่าว