ในไตรมาส 1/58 บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ที่ลงทุนไว้ ได้แก่ เมอร์อลิอันซ์ และคิงออสการ์ รวมถึงการเข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัท โอไรออน ซีฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาในเดือนก.พ.ที่ผ่นมา
ส่วนยอดขายทำได้ 28,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 12.7 จากไตรมาส 4/57 โดยมียอดขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 876.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 13 จากไตรมาส 4/57 เนื่องจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน นำไปสู่การแข่งขันในตลาดสหรัฐอเมริกา และทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อสินค้า OEM รวมถึงค่าเงินยูโรที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินบาท และการปรับตัวลดลงของราคากุ้งในโลก
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกับร้อยละ 14.9 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 13.9 ในไตรมาส 4/57 โดยมีสาเหตุจากค่าเงินยูโรที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินบาทและกำไรขั้นต้นที่ลดลงของธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการปรับตัวลดลงของราคากุ้งในโลก
ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,118 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่นมาที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 254 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4/57 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 244 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกำไรที่เกิดจากการยกเลิกสัญญาป้องกันความเสี่ยงในส่วนเงินลงทุนสกุลเงินยูโร กำไรจากการใช้เครื่องมือทางการเงินในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในส่วนการดำเนินงานธุรกิจในประเทศไทย และ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลยูโรและเงินปอนด์ของเงินกู้ยืมระหว่างบริษัทย่อยในยุโรป
จากการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นนี้ เป็นผลมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแบรนด์ในยุโรปอันแข็งแกร่งนี้ ถึงแม้ว่าค่าของเงินยูโรที่อ่อนตัว จะช่วยสร้างกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีผลต่อยอดขายและการทำกำไรให้กับบริษัทจากธุรกิจของเราในยุโรป ซึ่งปกติแล้วในช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงที่ธุรกิจในยุโรปมักจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
"แม้ว่าไตรมาสนี้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่เราสามารถบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทำให้กำไรสุทธิเติบโตถึง 58.7 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก สิ่งที่เรามุ่งเน้นในปีนี้คือ การบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมาจากการขยายการเติบโตของ 6 กลุ่มธุรกิจหลัก รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทของเราทั่วโลก" นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TUF กล่าว
ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของทียูเอฟในไตรมาส 1/58 ยังไม่เปลี่ยนแปลง กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 38 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 28 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 6 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 9 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 6 เปอร์เซนต์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13 เปอร์เซนต์
เมื่อพิจารณาจากตัวเลขจะเห็นว่า ยอดขายของธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง และธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรลเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้ของบริษัท เมอร์อไลอันซ์ บริษัท คิง ออสการ์ และบริษัท โอไรออนที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 43 เปอร์เซนต์ ยุโรป 28 เปอร์เซนต์ ตลาดในประเทศ 9 เปอร์เซนต์ ญี่ปุ่น 6 เปอร์เซนต์ และตลาดอื่นๆ รวม 14 เปอร์เซนต์ โดยสัดส่วนรายได้ในตลาดสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่นส่วนหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์แช่แข็งที่ช่วยให้บริษัทมีการเติบโตถึง 43 เปอร์เซนต์ของยอดขายรวม นอกจากนี้ ยอดขายภายในประเทศของไตรมาสแรกนี้ยังเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน