ทั้งนี้ กองทุน KGET1 จะลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศพร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในกองทุนหลัก ได้แก่ กองทุน db x-trackers DAX UCITS ETF (DR) กองทุนอีทีเอฟที่บริหารจัดการโดย Deutsche Asset & Wealth Management Investment S.A. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนผู้ให้บริการ ETF รายใหญ่ของยุโรป
กองทุนหลักดังกล่าวจะมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี DAX ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นสำคัญของตลาดหุ้นเยอรมนี ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี จำนวน 30 บริษัท และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1 ล้านล้านยูโร หรือคิดเป็นประมาณ 60 % ของมูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมดในเยอรมนี
กองทุนเปิดเค เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KGET1) ตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้ลงทุนได้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 6%ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 3% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.70 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีกประมาณ 3%*
ทั้งนี้เมื่อกองทุนมีอายุครบ 1 ปี บลจ.กสิกรไทยจะเปิดให้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติได้ หรือจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาท กองทุน KGET1 มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของหลักทรัพย์ที่ลงทุน โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
นายนาวิน กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเยอรมันว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจะได้รับประโยชน์มาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังคงขยายตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออกซึ่งมีแนวโน้มเติบโตที่ดีขึ้นและมีความสามารถในแง่การแข่งขัน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลง ขณะที่การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา รวมถึงระดับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมันให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้มาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปเองก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันด้วย ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาต่อผลกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ของหุ้นเยอรมนีปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาจากระดับสูงสุดที่ 15.96 มาอยู่ที่ 14.85 เท่า ซึ่งถือเป็นการปรับฐานลงมามากกว่าตลาดหุ้นยุโรปอื่นๆ ทำให้เป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการเข้าลงทุน