LALIN มั่นใจปีนี้เปิดแนวราบ 8-10 โครงการใหม่ตามเป้า มูลค่ารวม 4 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2015 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปีนี้จะสามารถเปิดโครงการแนวราบได้ตามเป้าหมาย 8-10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/58 บริษัทฯได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ"แลนซีโอ คริป" ระยอง-แยกเนินสำลี มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ซึ่งมียอดจองแล้วราว 70%

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/58 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ"แลนซีโอ ไพร์ม" ศรีราชา-บ่อวิน บนพื้นที่ 43 ไร่ ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 1.8-2.4 ล้านบาท และโครงการ"แลนซีโอ คริป" ศรีราชา-บ่อวิน บนพื้นที่ 78 ไร่ ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 2.49-5 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวเป็นโครงการบ้านเดี่ยว

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน เม.ย.58 บริษัทได้เปิดขาย (Presale) โครงการ "ไลโอ" ระยอง-แยกเนินสำลี มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท เป็นทาวส์โฮมตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่ ระดับราคา 1.57 ล้านบาท ส่วนโครงการที่เหลือจำนวน 4-6 โครงการจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง

"เรามั่นใจว่าปีนี้จะเปิดโครงการได้ตามเป้า 8-10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการต่างจังหวัด 3-4 โครงการ และที่เหลือจะเป็นในกรุงเทพฯ จะเป็นแนวราบทั้งหมด ในไตรมาสแรกเราเปิดโครงการแนวราบที่ จ.ระยองเป็นที่แรก และเริ่ม Pre-sale โครงการทาวน์โฮม ไปในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มูลค่าโครงการราว 200 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 นี้ก็จะมีการเปิดตัวโครงการเพิ่มอีก 2 โครงการ และจะเร่งพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อให้ครบตามกำหนด ขณะเดียวกันเราก็ยังดูสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศประกอบไปด้วย"นายชูรัชฏ์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาทำเลพัฒนาโครงการในภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวโครงการไปแล้วรวม 9 โครงการ มูลค่ามากกว่า 6,640 ล้านบาท โดยมองภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบกับกลุ่มลูกค้า Real Demand มีปัจจัยที่สนับสนุนจากการส่งเสริมด้านการคมนาคมและโลจิสติกส์ทั้งการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ซึ่งเป็นการลงทุนจากรัฐบาลจีนในการเชื่อมต่อระบบขนส่งและลอจิสติกส์ระดับภูมิภาค เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ตลอดจนโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ และจะแล้วเสร็จในปี 61

นายชูรัชฎ์ กล่าวว่า การขยายธุรกิจออกต่างจังหวัด จะเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนให้มีทำเลที่หลากหลาย

"ระยองถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากชลบุรี และมีเศรษฐกิจค่อนข้างดี มีกำลังซื้อ จากผลการสำรวจของบริษัทพบว่าที่อยู่อาศัยระดับ 2-5 ล้านบาท ยังมีอัตราการขายที่ดีมาก จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิตและเงินทุนสู่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง" นายชูรัชฏ์ กล่าว

นายชูรัชฏ์ กล่าวอีกว่า แรงงานที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น ขณะที่พฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในพื้นที่เอง จะเน้นเรื่องราคาควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าโครงการที่เปิดจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ