ขณะที่ตลาดต่างประเทศในปีนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 23% เนื่องจากมีการลดระยะเวลาในการสั่งของลง ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยบริษัทมีตลาดอยู่ในประเทศอินเดีย พม่า และกัมพูชา ซึ่งตลาดต่างประเทศถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังไม่ขยายไปประเทศอื่น แต่จะเน้นทำการตลาดในประเทศที่มีอยู่ให้มียอดขายเพิ่มขึ้นก่อน
“ตลาดต่างประเทศในปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 25% และในประเทศ 75% เมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้ของต่างประเทศในปีก่อนหน้าอยู่ที่ 23% และในประเทศ 77%"นายสัญชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์ผนังกั้นห้องสำเร็จรูป จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ ชื่อ"ระบบผนัง L100 หรือ แอลร้อย"ซึ่งเป็นระบบบผนังกั้นห้องสำเร็จรูป ช่วยลดขั้นตอนในการติดตั้ง
นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ราว 3 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนาระบบซอฟแวร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการภายในองค์กร ระบบโลจิสติก และระบบคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) รวมถึงการพัฒนาระบบสมาชิกสำหรับลูกค้าของบริษัทฯที่จะได้รับความคล่องตัวในการซื้อสินค้าทั้งบริการก่อและหลังการขาย
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/58 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรกตามภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ ช่วงไตรมาส 3/58 จะเป็นช่วงที่ทำยอดขายได้สูงสุดของธุรกิจ จากไตรมาส 1/58 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.58 บริษัทมีรายได้รวม 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.55 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60%