บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตประมาณ 4-5% สอดคล้องกับตัวเลขจีดีพีของประเทศปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3.5-4% อย่างไรก็ตาม หากสภาพเศรษฐกิจมหภาคฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ และโครงการที่พัฒนาร่วมกับคู่ค้ามีปริมาณคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสทำให้รายได้ในปีนี้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้
ในปีนี้ยังคงนโยบายไม่เพิ่มการลงทุน แต่เราจะเร่งเพิ่มส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์) เพื่อเติมเต็มกำลังการผลิต จากปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 60%เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 40,000 ตันต่อปี พร้อมมุ่งเน้นสร้างผลการดำเนินงานให้เกิดกำไรในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทกำลังดำเนินการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มฐานรายได้ให้มั่นคงและครอบคลุมยิ่งขึ้น เช่น ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย จากเดิมที่มีการส่งออกไปยังประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย เนปาล และบังกลาเทศ โดยคาดว่าสัดส่วนการส่งออกปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 21% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 19% ของยอดขายรวม
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีคำสั่งซื้อจากคู่ค้าเข้ามามากขึ้น ทั้งในกลุ่มหีบห่อบรรจุภัณฑ์ กลุ่มก่อสร้าง และตลาดส่งออก โดยกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ ยังคงใช้ "การพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อนำการขยายส่วนแบ่งตลาด" ตามนโยบาย "คุณภาพคุ้มราคา"
ไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้รวม 214.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5%จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้รวม 211.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ10.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 300% จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.57 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในส่วนของกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลงตามทิศทางของราคาน้ำมัน ขณะที่ปริมาณคำสั่งซื้อที่เริ่มฟื้นกลับคืนขึ้นจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆได้เป็นอย่างดี" นายขวัญชัย กล่าว