"เป็นปกติที่ในช่วงไตรมาสแรกของปี จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของ TTA เนื่องจากเป็นธรรมชาติของวงจรธุรกิจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีนี้ TTA จะมีรายได้รวมลดลงเล็กน้อย และมีผลขาดทุนเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมแล้ว ต้องถือว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และอาจจะดีกว่าที่คาดไว้ เพราะนอกจากการปรับตัวลดลงตามวัฏจักรขาลงของธุรกิจแล้ว ในปี 58 ยังมีปัจจัยพิเศษจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การนำเข้าลดลง ซึ่งกระทบกับธุรกิจขนส่งโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีความแปรปรวนของสภาพอากาศ ซึ่งนับเป็นความท้าทายของฝ่ายบริหารในการบริหารจัดการธุรกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้"นายเฉลิมชัย กล่าว
ผลขาดทุนส่วนใหญ่ที่ปรากฎในไตรมาสนี้ เกิดจากการนำเรือวิศวกรรมใต้น้ำ 3 ลำของเมอร์เมดเข้าซ่อมบำรุงตามแผน เพราะเป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งถ้าหากตัดประเด็นนี้ออกไป ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ ไม่ได้ผิดจากความคาดหมาย เพราะเราประเมินได้ว่า ไตรมาสแรกของทุกปีไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนัก ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงได้เตรียมพร้อมรับมือ วางแผนและปรับกลยุทธ์ จนสามารถทำให้ผลงานของเราอยู่ในระดับดีกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งแน่นอนว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ เรามั่นใจว่า แนวโน้มของธุรกิจยังคงเติบโตไปได้ดี ทั้งธุรกิจที่เราลงทุนอยู่แล้ว และธุรกิจใหม่ที่เป็นเป้าหมายในการเข้าไปลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของธุรกิจหลัก
ธุรกิจขนส่ง ในส่วนของโทรีเซน ชิปปิ้ง ในไตรมาสแรก มีรายได้ 1,754.8 ล้านบาท ลดลง 5% เนื่องจากธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ต้องเผชิญกับปัญหานโยบายลดการนำเข้าถ่านหินและสินแร่เหล็กของจีน อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการที่ดีทำให้ธุรกิจยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ดีกว่าตลาด
ธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ ในธุรกิจของเมอร์เมด มาริไทม์ ก็อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นเช่นกัน เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศ ซึ่งเป็นฤดูมรสุม จึงถือโอกาสนำเรือวิศกรรมใต้ทะเลขนาดใหญ่ 3 ลำเข้าซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ส่งผลทำให้รายได้ในส่วนนี้หายไป และมีค่าใช้จ่ายในการเช่าเรือมาทดแทนเรือที่นำไปซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสแรก เมอร์เมดฯ มีรายได้ 1,984.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 5%
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ฝ่ายบริหารจัดการได้เข้าไปดูแลคลังสินค้าคงคลังส่วนเกิน และมีโครงการลดต้นทุนอื่นๆ โดยบริษัทฯ มีรายได้ 188.8 ล้านบาท มีผลขาดทุน 10.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลขาดทุนที่ลดลงจากไตรมาสแรกปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 39.6 และลดลงจากไตรมาส 4/57 ที่ขาดทุน 22.1 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เริ่มกลับมานำเข้าถ่านหินและมีกิจกรรมทางการขายมากขึ้นในไตรมาสนี้
บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์(PMTA) (บริษัทแม่ของบาคองโค) ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/58 กำไรสุทธิอยู่ที่ 37.9 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 55 ก็ยังถือว่าน่าพอใจ ที่บริษัทฯ ยังคงรักษากำไรไว้ได้ เนื่องจากโดยธรรมชาติของธุรกิจปุ๋ย ในไตรมาสแรกจะเป็นช่วงที่ผลกำไรอ่อนตัวมากที่สุดในรอบปี ซึ่งนอกจากเป็นไปตามวัฏจักรธุรกิจแล้ว ในปีนี้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนยังคงต้องเผชิญกับภาวะแล้ง จากความล่าช้าของฤดูฝนที่ทิ้งช่วงผิดปกติ ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ปุ๋ยชะลอตัวลง จึงกระทบยอดการส่งออกปุ๋ย อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายในประเทศเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการส่งเสริมการขายที่ได้ผล และแม้ราคาวัตถุดิบต่อตันจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้จากการขายต่อตันเมื่อเทียบปีต่อปี ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ PMTA ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ไว้ได้ค่อนข้างคงที่ ที่ร้อยละ 26
"จากปัจจัยภาพรวมอุตสาหกรรมและวัฏจักรขาลงของธุรกิจ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ TTA ในไตรมาสแรก มีผลขาดทุนสุทธิ 288.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในไซโน แกรนด์เนส ที่ 51 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า หลังจากพ้นช่วงขาลงของอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกไปแล้ว ธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทย่อย รวมทั้งบริษัทที่ TTA เข้าไปลงทุนจะสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป"นายเฉลิมชัย กล่าว