ปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) อยู่ 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานการสื่อสารและโทรคมนาคมที่ทยอยรับรู้ต่อเนื่องมาจากปีก่อน และจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20% หรือแตะ 5,100 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,378.58 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ก็จะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้337.91 ล้านบาท
ในส่วนธุรกิจ EMS ที่ทำรายได้ให้แก่บริษัทอย่างสม่ำเสมอ คาดว่าปีนี้จะทำรายได้ 1,400 ล้านบาท ส่วนธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ หรือ บุญเติม ของบริษทในเครือ คือ บมจ.ฟอร์ทสมาร์ท(FSMART) ที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ปีนี้ตั้งเป้ายอดเติมเงินเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งเป็นงานประมูลภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ และงานภาคเอกชน บริษัทคาดหวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเร่งรัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งน่าจะมีรายได้เข้ามาในปีนี้รวมราว 2,200 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ 300-400 ล้านบาท ใช้ในการขยายตู้บุญเติมรวม 20,000 ตู้ในปีนี้ จากปัจจุบันมีตู้บุญเติมทั้งสิ้น 47,000 ตู้ รวมไปถึงใช้ในการขยายตู้บุญเติมในประเทศฟิลิปปินส์ด้วย
"เรามีการกระจายความเสี่ยงออกไป แบ่งไปทำงานภาครัฐส่วนหนึ่ง ภาคเอกชน และคอมซูเมอร์ ยอมรับว่าปีนี้งานภาครัฐมีการชะลอออกไปบ้าง แต่เราก็ยังมีธุรกิจคอนซูเมอร์ ที่ทำให้เรามีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยปีนี้เราได้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% กำไรก็เติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว"นายชัชวิน กล่าว
สำหรับธุรกิจ Set Top Box นายชัชวิน กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายกล่องปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนกล่อง จากปีก่อนที่มียอดขาย 2 แสนกล่อง และในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้บริษัทฯและผู้ประกอบการ Set Top Box อีก 6 รายจะเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อเรียกร้องให้หามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการทั้งในเรื่องของการเบิกจ่ายเงิน คุณภาพเสาสัญญาณ หรือเสาส่ง และการประชาสัมพันธ์ โดยขณะนี้บริษัทได้นำคูปองไปขึ้นเงินกับ กสทช. และได้เงินมาแล้ว 30% ของจำนวนคูปองทั้งหมดที่ได้รับจากประชาชน ซึ่งเงินในส่วนที่เหลือยังไม่ได้รับ จึงต้องการความชัดเจนดังกล่าวด้วย