โดยในเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ส่ง บริษัท แอล.ดี.เอส. เมทัลเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ที่เป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรมการผลิตตัวถังหม้อแปลงขนาดใหญ่ และงานโครงสร้างเหล็กคุณภาพสูง เข้าร่วมกับ บริษัท เอ็น.ดี.พี. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จัดตั้ง กิจการร่วมค้า แอล.ดี.เอส. – เอ็น.ดี.พี โดยมีสัดส่วน 60:40 เพื่อร่วมประมูลงานดำเนินการและบำรุงรักษาระบบสายพานขนถ่ายดินเส้นที่สอง (Operation and Maintenance Agreement relating to the Waste Line 2) ซึ่งบริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด ได้ให้กิจการร่วมค้า แอล.ดี.เอส. – เอ็น.ดี.พี เป็นผู้ดำเนินงานตามสัญญาดังกล่าว โดยสัญญานี้มีมูลค่ากว่า 1,316 ล้านบาท ระยะเวลารวม 4.5 ปี สิ้นสุดสัญญาในเดือนธ.ค. 62 และหากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงในปีที่ 61 ก็จะสามารถต่อสัญญาการดำเนินการ และบำรุงรักษาระบบสายพานขนถ่ายดินเส้นที่ 2 ไปได้อีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 479.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.82 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการส่งมอบสินค้าในส่วนของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการบริการ 23.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298.79% จากงวดปีก่อน เนื่องจากรายได้การซ่อมหม้อแปลงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทมีกำไรขึ้นต้นจากการขายในไตรมาสนี้ 14.64 % ลดลงจาก 24.67 % ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายโดยทั่วไปปรับลดลง และจากตลาดโดยรวมมีการชะลอการสั่งซื้อ จึงทำให้มีการแข่งขันสูง และสินค้าในส่วนของบริษัทย่อย มีโครงสร้างกำไรขั้นต้นต่ำกว่าสินค้าเดิม โดยในไตรมาส 1/58 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 16.68 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 2.13 ล้านบาทในไตรมาส 1/57