อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้จะยังคงมีกำไร โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ที่ราว 20% เนื่องจากการส่งมอบงานและรับรู้รายได้ของงานโครงการต่างๆได้มีการทยอยรับรู้ อย่างเช่น งานโครงการโรงไฟฟ้าหงสา จะเริ่มมีการรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/58 หรือไตรมาส 4/58 นอกจากนี้งานโครงการอื่นๆของภาครัฐที่บริษัทจะเข้าไปประมูลมุลค่ารวม 8.9 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานมากกว่า 20-25% โดยบางส่วนจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ ปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจรายได้ในปี 58 ยังทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2.6-2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นาก 2.1 พันล้านบาทในปีก่อน
ส่วนเป้าหมายรายได้ 5 พันล้านบาทในปี 60 นั้นบริษัทคาดว่าจะต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 62 เนื่องจากการเปิดประมูลงานโครงการต่างๆของภาครัฐมีความล่าช้า ทำให้ในช่วงปี 57-58 จะยังไม่มีงานประมูลใหม่ๆออกมามาก ส่งผลกระทบต่อประมาณการณ์การรับรู้รายได้ในอนาคตของบริษัท อีกทั้งการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศจีน เพื่อร่วมลงทุนผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า หรือ สวิตช์เกียร์ในไทยนั้นได้เลื่อนสรุปความชัดเจนออกไปจากเดิมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/58 ไปเป็นช่วงไตรมาส 4/58 โดยเป็นผลมาจากการที่โครงสร้างธุรกิจของประเทศจีนยังมีความแตกต่างกับโครงสร้างธุรกิจของไทย ทำให้เกิดความล่าช้าในการตกลงข้อสรุปการร่วมทุน
สำหรับงบลงทุนของบริษัทในปีนี้ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท มาจากเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มุลค่า 600 ล้านบาทที่ออกไปแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยงบลงทุนในปีนี้จะใช้สำหรับการขยายกำลังการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 9,000 MVA ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5,000 MVA