โดยอัตราดอกเบี้ยใหม่สำหรับวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ MLR เหลือ 6.50% จากปัจจุบันที่ 6.63%, MOR เหลือ 7.37% จากปัจจุบันที่ 7.50% และ MRR เหลือ 7.87% จากปัจจุบันที่ 8.12%
นายบัณฑูร ระบุว่า ขอดูผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ ก่อนที่จะประเมินความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งนี้ยอมรับว่าการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้มีผลกระทบต่อรายได้ของธนาคาร
พร้อมมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกสิกรในครั้งนี้เป็นการทำเพื่อให้ร่วมมือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเพื่อส่วนรวม หลังจากที่ธปท.ได้ซักถามมาหลายครั้ง แม้ธนาคารจะมองว่าหลังจาก กนง.มีมติปรับลดดอกเบี้ยลงจะยังไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่ เนื่องจากยังมีหลายเครื่องมือที่จะยังสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"หลังจากที่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติทวงถามเรามาหลายครั้งแล้วว่าทำไมกนง.ลดดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารพาณิชย์ก็ยังไม่ให้ความร่วมมือในการลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบายบ้าง ผมก็มองว่าแม้จะลดดอกเบี้ยนโยบายก็ยังไม่ใช่วิธีการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้อย่างรวดเร็ว มาตรการมหภาคทั้งการคลังและการเงินต่างก็ต้องใช้เวลาสักระยะกว่ามันจะได้ผลขึ้นมา ก็อยากให้ธปท.คิดถึงธนาคารพาณิชย์บ้าง อยากให้ร่วมกันช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันหาจุดสมดุล ไม่ก็ถอยกันคนก้าว ไม่ใช่มาจี้แล้วเกิดความขัดแย้งกันแบบนี้" นายบัณฑูร กล่าว
อย่างไรก็ดี การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารลงนั้น จะส่งผลให้รายได้ของธนาคารได้รับผลกระทบในเชิงลบ และจะส่งผลต่อราคาหุ้นของธนาคารที่จะมีการปรับตัวลงตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบอย่างมากต่อผลประกอบการของธนาคาร
นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันนั้นยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีหรือไม่ หากไม่ยังไม่ได้ผลในทางที่ดีก็อาจจะปรับลดได้อีกทีละนิด
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ KBANK คาดว่า กำไรในไตรมาส 2/58 จะลดลงหลังธนาคารนำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงเป็นรายแรก โดยธนาคารจะต้องบริหารจัดการลดต้นทุนลง ส่วนการพิจารณาลดดอกเบี้ยฝากจะต้องดูตลาด และสภาพคล่องต่อไป ทั้งนี้การลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารลงอาจจะมีผลกระทบต่อกำไรของธนาคารทั้งปีได้เช่นกัน