ผลการดำเนินงานของ บจ.ใน mai แม้ว่าจะอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ บจ. ยังสามารถรักษาการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิไว้ได้ เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนขายให้ต่ำลง ทำให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงขึ้น ทั้งในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ รวมถึงกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 3,306 ล้านบาท เป็น 4,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.65% หากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า 6 ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิ ซึ่งในจำนวนนี้ 3 กลุ่มมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ตามลำดับ โดย 5 บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาส 1/2558 ได้แก่ บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) มีกำไรสุทธิ 753 ล้านบาท บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) 580 ล้านบาท บมจ. เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) 246 ล้านบาท บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) 140 ล้านบาท และ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) 111 ล้านบาท
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 114 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2558) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 660.85 จุด ลดลง 5.60% จากปี 2557 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 395,671 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 62.91 เท่า มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 4,246 ล้านบาทต่อวัน