ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดต่างประเทศวันนี้ปิดทำการหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดฮ่องกง, ตลาดเกาหลีใต้ และหลายตลาดในยุโรป รวมถึงตลาดสหรัฐฯด้วย อย่างไรก็ดีให้ติดตามการเจรจาหนี้ของกรีซ
พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,536 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(22 พ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,232.02 จุด ลดลง 53.72 จุด(-0.29%), ดัชนี
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 67.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.14 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.48 จุด
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(22 พ.ค.58)1,523.86 จุด ลดลง 2.39 จุด (-0.16%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,295.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(22 พ.ค.58) ปิดที่ 59.72 ดอลลาร์/
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(22 พ.ค.58)ที่ 9.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.48/50 อ่อนค่า จากแรงซื้อดอลล์ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.
- สำนักวิจัยฯ จ่อหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขไตรมาสแรกสะท้อนการฟื้นตัวอ่อนแรง โดยเฉพาะภาคส่งออก ขณะที่ปัจจัยลบมีเพียบ หวั่นการเมืองเริ่มกลับเป็นประเด็นอีกรอบ พร้อมประเมินเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงหาจุดต่ำสุด
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.อยู่ระหว่างการคัดเลือกพื้นที่ที่จะประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตอนใน เบื้องต้นมี 3 จังหวัด คือ จ.นครราชสีมา ปราจีนบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ใกล้กับ อีสเทิร์นซีบอร์ดและเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานที่มีทักษะสูงเพื่อรองรับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และการลงทุนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
- แบงก์ชาติเผยธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมียอดเอ็นพีแอลมากที่สุดในระบบ 8.98 พันล้านบาท เติบโตเกือบ 11% ในไตรมาสแรกของปี 58 รองมาเป็นธุรกิจขายส่ง ขายปลีก ซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ 7.31 พันล้านบาท เติบโต 15% ตามมาด้วยธุรกิจผลิต พบลูกหนี้รายใหม่และลูกหนี้รี-เอ็นทรีก่อตัวในธุรกิจดังกล่าว ขณะเดียวกันภาคธุรกิจใช้วิธีต่างๆ ให้หนี้ลดลง แต่ไม่ได้ผลและเกิดขึ้นในทุกภาคธุรกิจ
- นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า มีโอกาสที่ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับลดลงได้อีก อย่างไรก็ดีเมื่อธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยลง กว่าจะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป้าหมายคือการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจให้มีต้นทุนต่ำลง รวมทั้งจูงใจให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่าย แต่มีคำถามว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด เนื่องจากความเสี่ยงเศรษฐกิจทำให้ยังเห็นการชะลอการลงทุนและบริโภคอยู่ต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- INTUCH(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 114 บาท หุ้นปันผลสูงจะ Outperform ในระยะภาวะตลาดผันผวนและอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นปัจจัยหนุน พร้อมคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลางกลุ่มสื่อสารจากการประมูล 4G ปลายปี และเป็นปัจจัยสำคัญปลดล๊อกความกังวลเรื่องคลื่นความถี่ของ ADVANC ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 58 ขณะที่ THCOM เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนและกำไรเติบโตสูงคาดปี 58 โต +25.7% yoy จากไทยคม 6 และ IPSTAR ที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดเงินปันผลปี 58 หุ้นละ 5.29 บาท
- TPIPL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 3.50 บาท หากตัดอัตราแลกเปลี่ยนออก ผลประกอบการ 1Q15 ขาดทุนปกติ 228 ล้านบาท จากสินค้าคงเหลือในธุรกิจปิโตรเคมี ขณะที่ซีเมนต์กำไรชะลอเล็กน้อย ส่วนโรงไฟฟ้ามีรายได้และกำไรเพิ่มถึง 81% Y-Y และ 93% Y-Y ตามลำดับจากโรงไฟฟ้าขยะ 18MW ที่เริ่มดำเนินการ ก.พ. 2015 แนวโน้มผลประกอบการ 2Q15 น่าจะชะลอ Q-Q ถูกฉุดด้วยธุรกิจซีเมนต์ซึ่งเป็น low season แต่จะโตก้าวกระโดดใน 2H15 เพราะตั้งแต่ มิ.ย. จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55MW และโรงปูนสายการผลิตที่ 4 กำลังผลิต 4.5 ล้านตัน โดยยังคงคาดผลประกอบการปีนี้จะ turnaround กำไรปกติโต 285% Y-Y
- QH(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 4.50 บาท กำไรสุทธิ 1Q58 เท่ากับ 559 ล้านบาท(-11%YoY และ -14%QoQ)คิดเป็น 15% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 58 ของเรา แต่เป็นไปอย่างที่คาดไว้ แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ เพราะจะมีการเปิดขายโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก และมีโครงการที่จะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมประมาณการกำไรสุทธิปี 58-59 จะขยายตัวปีละ 13% โดยปัจจัยผลักดันหลัก คือ การโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม
- MSCI Index Semi-annual Review การปรับเปลี่ยนหุ้นอิงราคาปิด 29 พ.ค.นี้ มีหุ้น small cap ของไทย 14 ตัวเข้าคำนวณในดัชนีคือ BA, BEAUTY, CBG, EPG, IMPACT, IFEC, MTLS, PLANB, PTG, SIM, SCN, TSE, UNIQ, WORK ส่วนหุ้นที่เอาออกมี 2 ตัวคือ JMART, TPIPL (ฟินันเซีย ไซรัส)