อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตแบบคอขวดและการขยายกำลังการผลิตของโครงการที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตฟีนอล อีก 2.5 แสนตัน/ปี จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/58, การขยายกำลังการผลิตเอทิลีนออกไซด์ อีก 9 หมื่นตัน/ปีจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/58 และการขยายกำลังการผลิตแบบคอขวดของโรงงานอะโรเมติกส์ 2 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/58 นั้น ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุน EBITDA ตามโครงการ Core Uplift ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันในไตรมาส 2/58 ปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทคาดว่าจะกลับมามีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Stock Gain) หลังจากในไตรมาสแรกยังมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ขณะที่ในไตรมาส 2 บริษัทมีต้นทุนสต๊อกที่กว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทประเมินราคาน้ำมันเฉลี่ยในครึ่งหลังของปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากครึ่งปีแรกราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
นายฐิติพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเมืองโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา มูลค่าโครงการรวม 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น คาดว่าจะสรุปผลการตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ได้ภายในช่วงไตรมาส 3/59 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้ง 6 ราย ส่วนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท,เปอร์ตามิน่า และซาอุดิ อารัมโก คาดว่าจะมีข้อสรุปออกมาในช่วงปี 60
สำหรับงบลงทุนของบริษัทในช่วง 5 ปี (58-62) ยังคงไว้ที่ระดับ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ