ปัจจุบัน บริษัทฯมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่ไม่รวมรถเมล์ NGV มูลค่าประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป อีกทั้งอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO กล่าวว่า บริษัทฯปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตเป็น 139% จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตได้ราว 10% จากปีก่อนที่ทำรายได้อยู่ที่ 1.52 พันล้านบาท หลังได้งานจัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน มูลค่า 1,735 ล้านบาท ของ ขสมก.ซึ่งบริษัทฯจะสามารถเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการได้ภายในเดือนมิ.ย.58 และจะส่งมอบรถได้ภายในปีนี้ทั้งหมด ประกอบกับบริษัทฯได้รับงานซ่อมบำรุงรถระยะสัญญา 10 ปี มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้เข้ามาปีละ 100 กว่าล้านบาท
อีกทั้งคาดกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อนกำไรสุทธิอยู่ที่ 97.31 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไปตามรายได้ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ 6.38% จากงานที่รับมามีมาร์จิ้นน้อย
"การเติบโตปีนี้น่าจะทำได้ถึง 139% จากปีก่อน กำไรก็จะเติบโตไปตามรายได้ หลังจากที่เราได้รับงาน NGV 489 คัน ซึ่งจะทำให้เรารับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ทั้งหมด รวมถึงเรายังมีงานรอลุ้นผลประมูลอีก โดยคาดว่างานในมือ ณ สิ้นปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท ขณะที่มองแนวโน้มไตรมาส 2/58 ทิศทางรายได้ก็น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/58 จากการรับรู้รายได้ของ Backlog ประมาณ 200 ล้านบาท"นายสุรเดช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 58 จะอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 708 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 2,443 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป
นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานใหม่ คือ งานสายการบิน ประเทศโอมาน มูลค่า 100 ล้านบาท ประมูลรถ 10 คัน คาดว่าจะรู้ผลประมูลได้ในไตรมาส 3/58 จากช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯเพิ่งได้รับงานรถลำเลียงอาหารของสายการบินสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน 16 คัน มูลค่า 150 ล้านบาท และรถหุ้มเกาะส่งให้ประเทศมาเลเซีย จำนวน 82 คัน มูลค่า 160 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบได้ปลายปี
ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ 400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นใช้ในส่วนของรถโดยสาร ขสมก. จำนวน 40 ล้านบาท ได้แก่ การซื้อที่ดินสร้างโรงงาน ,ก่อสร้างศูนย์ซ่อมรถ NGV และศูนย์บริการ