ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปยังต่างประเทศในปีนี้ขึ้นเป็น 10% จากเดิมอยู่ที่ 8% โดยยังคงเน้นงานในประเทศมากกว่า เนื่องจากในประเทศมีงานโครงการออกมาจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศมากถึง 90%
"เรายังคงนโยบายการทำงานเหมือนเดิมอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ยังคงมองหาตลาดส่งออกใหม่ๆเพิ่ม แต่ก็ยังคงเน้นการสร้างรายได้ภายในประเทศมากกว่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปีนี้งานโครงการภาครัฐถือว่าทยอยออกมาค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันเรามีงานในมืออยู่ 180-200 ล้านบาท ซึ่งก็จะทยอยรับรู้ในปีนี้ และก็จะมีงานใหม่ๆเข้ามาเพิ่มอีก ทำให้งานในมือเราก็จะอยู่ประมาณนี้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะโตไม่ต่ำกว่า 25% ได้ ซึ่งเราก็ยังคงดำเนินการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง"นายธนินทร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/58 คาดว่ารายได้และกำไรจะลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดจำนวนมากและเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองว่าไตรมาส 2/58 จะดีกว่าไตรมาส 2/57 หรือเติบโตได้ราว 20% เป็นผลจากงานโครงการในปีนี้เริ่มทยอยออกมามากขึ้น
ขณะที่มองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/58 ที่ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิจะดีกว่าไตรมาส 1/58 จากปัจจุบันอยู่ที่ 31% และ 19% ตามลำดับ
ปัจจุบันบริษัทยังมีใบสั่งซื้อสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตคิดเป็นจำนวนมากกว่า 171 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินชนิดอีพ็อกซีเรซินเสริมใยแก้ว บนพื้นที่ 8 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.นี้ เบื้องต้นวางงบลงทุนราว 25 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในอนาคตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้กับงานปรับปรุงระบบเดินสายใต้ดินที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระบบการเดินสายของภาครัฐ
"ที่ผ่านมาการเติบโตของธุรกิจท่อสำหรับงานระบบต่างๆ ในอาคารมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ธุรกิจของ ARROW จากความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งสนใจในคุณภาพ และความสามารถในการผลิตที่ทันต่อความต้องการ ประกอบกับบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจนขึ้นเป็นผู้นำด้านงานท่อในอาคารทำให้ธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด โดยเชื่อว่าในไตรมาสที่เหลือของปีนี้บริษัทจะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องได้"นายธานินทร์ กล่าว