SENA ร่วมบีกริมฯลงทุนธุรกิจโซลาร์สร้างรายได้ประจำ ปรับกลยุทธ์เพิ่มแนวราบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 26, 2015 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลล้อปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนร่วมทุนกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ในการลงทุนโซลาร์ฟาร์ม และมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุน 50:50 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและรอนโยบายของภาครัฐในการเปิดประมูลใบอนุยาตโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนสำหรับแผนการลงทุนได้ในช่วงไตรมาส 3/58 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนหลักพันล้านบาท
"เรามีความพร้อมด้านการเงินและเทคโนโลยีที่จะลงทุนโซลาร์ฟาร์มร่วมกับพันธมิตร เงินลงทุนเบื้องต้นที่ใช้ก็อยู่ในหลักพันล้านบาท แต่ตอนนี้ก็รอภาครัฐจะมีการเปิดประมูลใบอนุญาตอีกเมื่อไหร่ หรือเราจะหาแนวทางอื่นอย่างเช่นการไปร่วมทุนกับคนที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว หรือการทำโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์และทหาร ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ คาดว่าจะชัดเจนไตรมาส 3 นี้ และหากชัดเจนแล้วมีการลงทุนเกิดขึ้นก็จะสามารถจ่ายไฟได้ช่วงต้นปีหน้า เราได้ศึกษามานานแล้วว่าการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานทดแทนเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ช่วยเพิ่ม Recurring Income (รายได้ประจำ) ให้กับบริษัทเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่ 8%"นางสาวเกษรา กล่าว

สำหรับโครงการโซลาร์รูฟท้อปบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการนำแผงโซลาร์ไปติดตั้งบนหลังคาบ้านในโครงการของบริษัท ประเดิมใน 3 โครงการ จำนวน 70 หลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และการเสนอข้อเสนอพิเศษให้กับลุกค้าที่สนใจ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/58 เช่นกัน และจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายในปีนี้

นางสาวเกษรา กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับสัดส่วนของโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้ ที่จะยังคงจำนวนโครงการเปิดใหม่ 11 โครงการ โดยสัดส่วนโครงการอาจปรับเพิ่มโครงการแนวราบเป็น 8 โครงการ จากเดิมที่ตั้งไว้ 6 โครงการ และลดสัดส่วนโครงการคอนโดมิเนียมเหลือ 3 โครงการ จากเดิม 5 โครงการ โดยมูลค่าโครงการจะมีการเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าเดิมที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีข้อสรุปได้อีกภายใน 1 เดือน

เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงในการลงทุนอยู่มาก ประกอบกับกำลังซื้อและความมั่นใจของผู้บริโภคยังไม่กลับมาดีนัก ประกอบกับภาระหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อต่อสถาบันการเงิน มีแนวโน้มอัตราการการปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น อีกทั้งการปรับสัดส่วนการเปิดโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้เงินลงทุนของบริษัทลดลง เนื่องจากต้นทุนของโครงการแนวราบถูกว่าโครงการคอนโดมิเนียม

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะเน้นโครงการระดับกลางถึงบน จากที่ผ่านมาเน้นเปิดโครงการระดับกลางถึงล่าง เนื่องจากลูกค้ากลุ่มตลาดกลางถึงบนยังมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะลูกค้าระดับบน อย่างไรก็ตาม บริษัทคงคาดว่ารายได้ในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท และยอดขายที่ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาในปีนี้บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 5 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด และอีก 6 โครงการใหม่จะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ