กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน ,มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 6% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.50% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.10% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
"กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M13 (KFFAI6M13) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูงที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและต้องการล็อคผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน"นางสุภาพร กล่าว
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้น 0.00 – 0.04% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้ จากบันทึกการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า คณะกรรมการหลายท่านเห็นว่าไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. โดยคณะกรรมการได้มีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่อาจมีผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกอ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งได้แก่ สภาวะอากาศ การลดการใช้จ่ายด้านทุนของกลุ่มธุรกิจพลังงาน และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า เฟดควรที่จะตั้งเป้าผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเกินระดับเป้าหมายที่ 2% โดยการคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปีหน้า ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. หลังจากที่ปรับลดลง 4 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดโดยเพิ่มขึ้น 0.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน