หุ้น BBL ลดลง 1.39% มาที่ 177.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 205.89 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.11 น. โดยเปิดตลาดที่ 178 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 178.50 บาท และต่ำสุดที่ 177 บาท ขณะที่หุ้น SCB ลดลง 1.56% มาที่ 158 บาท มูลค่าซื้อขาย 186.51 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 158.50 บาท ระหว่างวันราคาทำระดับสูงสุดที่ 159 บาท และต่ำสุดที่ 157.50 บาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารยังมีความกังวลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของกลุ่มธนาคาร
ขณะที่บล.บัวหลวง ระบุว่า แบงก์ใหญ่ทยอยลดดอกเบี้ย ขณะที่สินเชื่อเดือนเม.ย.เริ่มต่ำกว่าคาด ถ้าเดือนพ.ค. สินเชื่อยังไม่ฟื้น คาดว่าจะมีการปรับกำไรลงตามมา แบงก์เสี่ยงกำไรต่ำคาด BBL TCAP TISCO KKP
ด้าน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุอีกว่า BBL ยังมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล Thai TV ได้ยื่นจดหมายถึงกสทช.ในการขอคืนใบอนุญาตผู้ประกอบทีวีดิจิตอล 2 ช่อง และปฏิเสธการจ่ายค่าสัปทานงวด 2 เป็นจำนวนเงิน 288 ล้านบาท ทางกสทช.บอกว่า Thai TV ไม่สามารถทำได้ และหากบริษัทต้องการคืนใบอนุญาต ทาง Thai TV เองก็ต้องจ่ายค่าสัปทานที่เหลือจนครบ ซึ่งหาก Thai TV ปฏิเสธ ทางกสทช.มีสิทธิที่จะยึดเงินค้ำประกันที่การันตีโดย BBL ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงกับ BBL ในฐานะเป็นผู้ออกจดหมายค้ำประกัน
ขั้นตอนจากนี้จะเป็นการเจรจาระหว่างกสทช.กับ Thai TV เพือบริษัทกลับมาเป็นผู้ดำเนินธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตามหากไม่สำเร็จจะทำให้เกิดความเสียหายกับ BBL ซึ่งธนาคารมีสิทธิที่จะฟ้องไล่เบี้ยต่อกับ Thai TV อีกทอดหนึ่ง โดยจำนวนเงิน 1.6 พันล้านบาทคิดเป็น 3.5% ของกำไรสุทธิของธนาคาร