ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 10-15% จาก 7.85 พันล้านบาทในปีก่อน สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 82% และงานเปิดหน้าเหมือง 18% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการรับรู้รายได้งานในมือ(Backlog)ที่ปัจจุบันมีอยู่ 1.7 หมื่นล้านบาท มีกำหนดทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1 ใน 3 ซึ่งในไตรมาส 2/58 จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้ไปแล้วราว 1.8 พันล้านบาท จะส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/58 เพิ่มขึ้น
"เราเชื่อว่าแนวโน้มรายได้และกำไรไตรมาส 2/58 จะดีกว่าไตรมาสแรก หลังส่งมอบงานได้มากกว่า เนื่องจากไตรมาสแรกมีวันหยุดยาวต่อเนื่องและทั้งปีกำไรสุทธิจะดีกว่าปีที่แล้วด้วย หลังปีที่แล้วเรามีขาดทุนจากงานก่อสร้างบางโครงการ"นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้อีก 2.5 พันล้านบาทในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เพื่อนำเงินมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเท่ากับหุ้นกู้ที่บริษัทออกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.5 เท่าจากนโยบายบริษัทจะรักษาระดับไม่ให้เกิน 2 เท่า
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับงานประมูลใหม่ราว 5 พันล้านบาท จากที่ได้ยื่นประมูลทั้งงานในประเทศ และต่างประเทศมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาของงานใหม่ที่ได้รับแล้วมูลค่ารวม 3 พันล้านบาท โดยโครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการเตรียมเข้าประมูลงาน ได้แก่ โครงการก่อสร้างท่าเรือและอุโมงค์ส่งน้ำ ในประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสาร และพร้อมยื่นในเร็วนี้ๆ คาดว่าจะรู้ผลปลายปี 58 ,งานรับเหมาก่อสร้างในพม่า, งานปรับปรุงถนนในลาว มุลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากงานต่างประเทศเพิ่มเป็น 10% ในปี 59 จาก 5% ในปีนี้ หากได้งานในเวียดนามเข้ามา
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รุกเข้าไปสู่การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัดนั้น ในปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ ซึ่งได้เปิดไปแล้ว 1 โครงการในช่วงต้นปี และจะทยอยเปิดอีก 2 โครงการในช่วงที่เหลือของปีมูลค่ารวม 2.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดียวที่รังสิตมูลค่า 600 ล้านบาท และ โครงการคอนโดศรีนครินทร์อีก 1.6 พันล้านบาท ขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมทุนกับบมจ.ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ (CI)โดยบริษัทถือหุ้น 40% นั้น มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 1 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียมสุขสวัสดิ์มูลค่า 1.8 พันล้านบาท
สำหรับโครงการลงทุนโรงงานผลิตพรีแฟบในพม่านั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในพม่า คาดว่าได้ข้อสรุปภายในอีก 1 เดือนข้างหน้าหรือภายในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนระดับหลัก 10 ล้านบาท ส่วนคดีบ่อบำบัดน้ำเสียที่อำเภอคลองด่านหากกรมควบคุมมลพิษตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายจำนวน 650 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้บริษัทก็จะรับรู้กำไรพิเศษจากการบันทึกค่าเสียหายในครั้งนี้ แต่หากกรมควบคุมมลพิษไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายก็ต้องรอกระบวนการพิจารณาของศาลในขั้นต่อไป